[ย้ายงานบ่อยใครว่ามีแต่ข้อเสีย ทำความรู้จัก”Job Hopper”ในยุคหลังโควิด-19 ]
“Job Hopping” เป็นศัพท์เฉพาะที่คนสายงานจัดหางานรู้จักกันดี สำหรับคำนี้นั้นจะใช้กับ คนที่”ย้ายงานบ่อย” หรือจะอธิบายละเอียดอีกนิดก็คือ การที่เปลี่ยนงานหลายๆงานในเวลาอันสั้น โดยส่วนใหญ่แล้วจะหมายถึงการทำงานโดยไม่เปลี่ยนงานเป็นเวลาไม่เกิน 1 ปี การเปลี่ยนงานบ่อย ครั้งหนึ่งเคยเป็นสิ่งที่ไม่ดีกับประวัติการทำงานและเรซูเม่ แต่ในปัจจุบันถือว่าเป็นเรื่องปกติของวัฒนธรรมการทำงาน
เพราะในโลกทำงานปัจจุบัน มีหลายเหตุผลที่เป็นสาเหตุให้คนเปลี่ยนงาน อาทิ ความไม่พอใจในเนื้อหางาน, ปัญหาสุขภาพ, สถานะทางครอบครัว หรือ ความต้องการเปลี่ยนสายงานเป็นต้น คนที่ย้ายงานบ่อยๆบางคนรู้ดีว่าการย้ายงานบ่อยไม่ใช่เรื่องดี แต่จำเป็นจนไม่สามารถเลี่ยงได้ ตำแหน่งงานที่ทำอยู่อาจจะถูกลบไปหรือหน้าที่ถูกเปลี่ยนเนื่องจากสถานการณ์โควิด-19 ที่ทุกประเทศกำลังเผชิญอยู่ อย่างไรก็ตามการย้ายงานบ่อยๆอาจจะเกิดการตามหางานในฝันที่เข้ากับสถานการณ์ปัจจุบันอีกด้วย โอกาสใหม่ๆเกิดขึ้นได้เสมอเพราะตลาดแรงงานเปลี่ยนไป การทำงานก็เปลี่ยนไป เช่น การทำงานที่บ้าน และ การเปลี่ยนแปลงสินค้าตามความต้องการของตลาด
การย้ายงานบ่อยกับการทำงานในยุคปัจจุบัน
ในอดีตคนที่ย้ายงานบ่อยมักจะถูกมองว่าเป็นคนที่ไม่มีความมุ่งมั่นและไม่ตั้งใจทำงาน แต่ในปัจจุบันและช่วงเวลา2-3ปีที่ผ่านมา การย้ายงานมีอัตราที่สูงขึ้นโดยเฉพาะกลุ่มคนรุ่นใหม่และคน GenZ ที่พยายามหาเส้นทางอาชีพที่เหมาะกับตัวเอง ซึ่งทำให้การยึดติดกับที่เดิมๆหายไป
ในบริษัทหลายๆแห่งเปลี่ยนการทำงานแบบเข้าออฟฟิศไปเป็นแบบทำงานที่บ้านได้ หรือปรับเปลี่ยนให้เหมาะสมกับการทำงานของพนักงานมากขึ้น ผู้จัดการฝ่ายจัดหาคนจะรู้ดีว่าปัจจุบันพนักงานที่มีความสามารถมักจะเปลี่ยนงานบ่อยเพราะรู้ว่าหากมีความสามารถมากจะเป็นที่ต้องการตัวสูง
ข้อดีของการเปลี่ยนงานบ่อย
เงินเดือนสูงขึ้นเร็วกว่ารอการโปรโมท
เหตุผลสำคัญอันดับแรกเลยก็คือ พนักงานที่ย้ายงานมีโอกาสได้เงินเดือนที่สูงขึ้นทุกครั้งที่เปลี่ยนงาน การเปลี่ยนงานทุกครั้งจะต้องมีผลตอบแทนที่มากขึ้นกว่าเดิมจึงจะตัดสินใจเปลี่ยนงาน พนักงานไม่น้อยเลยที่ตัดสินใจเปลี่ยนงานเพื่อให้เงิรเดือนสูงขึ้นแทนที่จะรอวันโปรโมทตำแหน่งหรือโบนัสจากบริษัท หากคุณกำลังมองหาวิธีที่เงินเดือนขึ้นทีเดียวมากๆเพื่อดูแลครอบครัวหรือพัฒนาไลฟ์สไตล์ของตัวเอง การย้ายงานอาจเป็นวิธีที่ดีที่สุดและรวดเร็วที่สุดในการได้เงินเดือนตามที่ต้องการ
การพัฒนาสายงาน
ข้อดีของการย้ายงานบ่อยจะเป็นโอกาสในการพัฒนาสายงาน การเปลี่ยนงานจะทำให้สามารถได้งานในตำแหน่งที่ดีกว่าเดิมในบริษัทอื่น นอกจากนี้ยังทำให้มีโอกาสเรียนรู้ทักษะใหม่ๆ ได้รับประสบการณ์ที่ไม่เคยเจอ หรือแม้แต่ได้รับความรับผิดชอบที่ท้าทายกว่าเดิม การเปลี่ยนงานจะช่วยให้คุณได้พบโอกาสใหม่ๆในการพัฒนาสายงานของตัวเองโดยไม่ต้องรอการโปรโมท
เปลี่ยนทำเลตามที่ต้องการ
ข้อดีของการย้ายงานจะทำให้เราสามารถเลือกตำแหน่งทำเลที่ตั้งของบริษัทที่เราต้องเดินทางไปได้ เหมาะกับคนที่จะย้ายที่อยู่ไปในเมืองอื่น ภาคอื่น หรือประเทศอื่น บริษัทเดิมที่ทำอยู่อาจจะไม่มีสาขาหรือนโยบายในการย้ายที่ทำงานไปในที่ๆคุณกำลังจะย้ายบ้านไป แต่การย้ายงานจะทำให้คุณสามารถเลือกที่ตั้งทำเลใหม่ได้ และหากคุณมีไลฟ์สไตล์การหาที่ใหม่ๆสังคมใหม่ๆที่เหมาะกับตัวคุณ การย้ายงานจนกว่าจะเจอทำเลที่ใช่ก็อาจจะเหมาะกับคุณที่สุด บางบริษัทอาจจะมีการสนับสนุนด้านการเงินให้กับพนักงานที่ย้ายที่อยู่มาอีกด้วย
ความสามารถในการปรับตัว
หากทุกครั้งที่คุณเปลี่ยนงาน คุณสามารถสร้างความสัมพันธ์ใหม่ๆ มิตรภาพใหม่ๆกับทีมใหม่ๆได้ทุกครั้ง คุณอาจจะสามารถเรียนรู้อะไรใหม่ๆที่มากกว่าการอยู่แต่ที่เดิมๆก็เป็นได้ อาทิ การพัฒนาความสามารถในการสื่อสาร และ ความสามารถในการปรับตัวที่มีค่าต่อการเป็นทักษะติดตัวคุณในอนาคต
สิ่งแวดล้อมการทำงานที่ดีขึ้น
อีกหนึ่งเหตุผลหลักที่คนมักจะย้ายงานบ่อยๆก็คือการตามหาสิ่งแวดล้อมการทำงานที่ดี วัฒนธรรมการทำงานที่เข้ากับไลฟ์สไตล์มากที่สุด ระดับมืออาชีพส่วนใหญ่มักคำนึงถึงผลตอบแทน สไตล์การบริหารงาน และ บรรยากาศของที่ทำงาน ในการประเมินว่าที่ไหนจะเหมาะสมกับการทำงานของตัวเอง การได้ลองย้ายงานไปในหลายบริษัทจะทำให้คุณสามารถเข้าใจตัวเองได้ว่าวัฒนธรรมองค์กรแบบไหนและสิ่งแวดล้อมแบบไหนที่เหมาะกับคุณมากที่สุด
ข้อเสียของการเปลี่ยนงานบ่อย
หางานยากขึ้น
ข้อเสียที่เห็นได้ชัดของการเปลี่ยนงานบ่อยคือหางานได้ยากขึ้น ผู้จัดการฝ่ายสรรหาพนักงานและบริษัทจัดหางานจะมองประวัติการทำงานของผู้สมัครงานเป็นหลักและตัดสินจากระยะเวลาที่ทำงานอยู่ในบริษัทที่ผ่านมา เพราะผู้จัดการฝ่ายสรรหาพนักงานหลายๆคนมักจะไม่เสียเวลาถามว่าทำไมถึงลาออกจากงานเดิม ในทางกลับกัน พวกเค้าจะเชื่อว่าคุณไม่สามารถทำงานได้นาน และปฎิเสธที่จะใช้เวลาในการสัมภาษณ์คุณไป
ประสบการณ์ที่ไม่คงที่
ประวัติการทำงานของคนที่ย้ายงานๆบ่อยจะดูไม่คงที่ มีประวัติตำแหน่งงานที่หลากหลายในช่วงเวลาอันสั้น และถูกมองว่าด้วยเวลาอันสั้นของแต่ละตำแหน่ง คุณอาจจะไม่สามารถได้ทักษะหรือประสบการณ์อะไรมาเลยในการพัฒนาสายงานที่เลือกเดิน ในทางกลับกันการทำงานในตำแหน่งใดตำแหน่งหนึ่งเป็นเวลานานๆ ไม่ว่าจะสามปีหรือมากกว่านั้น จะทำให้คุณดูเป็นคนมั่นคงและเหมาะสมต่อการพัฒนาตัวเองในสายงานที่เลือกที่ใช่แล้ว
เป็นคนไม่พอใจในงานที่ทำอยู่
ถูกมองว่าเป็นคนคาดหวังในการทำงานสูงและยากที่จะทำให้พอใจ หากคุณเปลี่ยนงานทุกครั้งที่คุณเจอปัญหา คุณจะไม่ได้เรียนรู้ทักษะในการแก้ไขปัญหาและรับมือกับการท้าทายเลย การเรียนรู้ที่จะอดทนและเรียนรู้จากทุกปัญหาที่เกิดขึ้นในงานที่ทำอยู่จะช่วยให้คุณเติบโตอย่างมืออาชีพและมีความสุขในการทำงานด้วยตัวเอง อาจจะใช้เวลาอย่างน้อยสองปีขึ้นไปในการปรับตัวให้เข้ากับตำแหน่งงานใหม่ได้อย่างสมบูรณ์ ดังนั้นจงให้เวลากับตัวเองในการเก็บเกี่ยวประสบการณ์และค้นพบสิ่งที่เป็นตัวตนจริงๆ
เสียผลประโยชน์และสวัสดิการบางอย่างไป
การย้ายงานบ่อยๆมีต้นทุนที่จะต้องพิจารณาเมื่อพูดถึงผลตอบแทนหรือสวัสดิการในการทำงาน ค่าใช้จ่ายในการทำประกันจะสูงขึ้น วันลาพักร้อนและสวัสดิการสะสมต่างๆจะมีน้อยลง คุณอาจจะไม่ได้รับเงินชดเชยกรณีลาออกเมื่อยังไม่ถึงเวลา
ความเครียดและความไม่แน่นอน
การย้ายงานบ่อยๆจะทำให้เกิดความเครียดที่ไม่จำเป็นและความไม่แน่นอนในการใช้ชีวิต การเปลี่ยนงานเกี่ยวข้องกับการต่อรองอยู่เสมอ การต้องพบเจอกับคนใหม่ๆ และการปรับตารางใหม่ตลอดเวลา ในบางกรณีจะรวมไปถึงการปรับเปลี่ยนที่อยู่ ย้ายครอบครัว และการปรับเส้นทางการเดินทาง การเริ่มต้นทำงานในสังคมแวดล้อมใหม่จะเป็นการเสียพลังงานทั้งในด้านกำลังกายและกำลังใจไปอย่างมาก ดังนั้นก่อนที่จะเปลี่ยนงาน ขอให้ใช้เวลาพิจารณาให้ดีว่าการเปลี่ยนงานในครั้งนี้จะส่งผลในแง่ลบต่อสุขภาพและเสถียรภาพในการดูแลครอบครัวมากน้อยเพียงใด
วิธีการนำเสนอการเปลี่ยนงานบ่อยให้ดูไม่แย่
เมื่อผู้จัดการฝ่ายตรวจสอบใบสมัครงานของคุณ พวกเขามักจะอดใจไม่ไหวที่จะถามคุณแน่นอนว่าเพราะเหตุใดจึงเปลี่ยนงานบ่อย การแสดงให้เห็นถึงประสบการณ์และความรู้ที่มีจากตำแหน่งงานที่ผ่านมาจึงเป็นสิ่งที่สำคัญมาก หากคุณสามารถอธิบายสาเหตุที่ทำให้คุณต้องเปลี่ยนงานบ่อยได้อย่างดี มันจะกลับไปเป็นแต้มต่อในการได้งานที่คุณต้องการ
- เขียนจดหมายสมัครงานอย่างละเอียด (Cover Letter) : ระบุประวัติการทำงานในจดหมายสมัครงานที่แนบเรซูเม่ไว้ โดยแจกแจงสาเหตุของการลาออกและอธิบายด้วยความสุภาพ เช่น เปลี่ยนงานเพราะต้องการหาโอกาสในการเติบโตระยะยาว เป็นต้น
- ปรับโครงสร้างของเรซูเม่ใหม่ : เรซูเม่ส่วนใหญ่คนมักเลือกจะจัดเรียงงานต่างๆตามลำดับเวลา แต่สำหรับคนที่ย้ายงานบ่อย การจัดเรียงแบบนี้คงทำให้ดูไม่ดีซักเท่าไรนัก เรซูเม่ที่เหมาะสมควรเป็นการให้ความสำคัญกับทักษะและความสามารถเฉพาะตัวที่คุณมี ใช้รูปแบบเรซูเม่ที่เน้นให้เห็นถึงทักษะและความสำเร็จที่ผ่านมามากกว่าประสบการณ์การทำงาน คุณสามารถใส่รายละเอียดถึงการพัฒนาทักษะต่างๆจากตำแหน่งงานที่คุณได้ทำ หรือ สรุปประสบการณ์เป็นย่อหน้า/ข้อๆแบบไม่ละเอียดก็ได้
- เตรียมคำตอบระหว่างการสัมภาษณ์ : แน่นอนว่าระหว่างการสัมภาษณ์จะต้องถูกถามถึงสาเหตุของการย้ายงานบ่อยๆ ให้อธิบายนำเสนอถึงประโยชน์ของการเปลี่ยนงาน เช่น ความสามารถในการปรับตัว และ วิธีการนำทักษะเหล่านั้นมาใช้ในงานที่คุณกำลังหาอยู่
- จริงใจและซื่อสัตย์ : นำเสนอประวัติการทำงานอย่างซื่อสัตย์ ไม่โกหก และไม่บิดเบือนข้อมูล เพราะการนำเสนอครั้งนี้จะทำให้คุณสามารถพัฒนาสายอาชีพได้ ยิ่งไปกว่านั้นการพูดถึงการเปลี่ยนงานกับผู้จัดการฝ่ายสรรหาบุคลากรจะทำให้ได้รับความรู้และการวิเคราะห์จากมุมมองของผู้เชี่ยวชาญอีกด้วย
ท่านใดที่กำลังหางานที่สามารถแสดงศักยภาพของตัวเองให้ได้มากที่สุดในบริษัทญี่ปุ่นในประเทศไทย ทาง PASONA ก็ยินดีเป็นอีกกำลังสำคัญในการสนับสนุนช่วยให้ท่านหางานที่ใช่ได้โดยเร็วนะครับ
………………………………………………………
สามารถติดตามข่าวสาร ตำแหน่งงานจากบริษัทญี่ปุ่นทั่วประเทศ และงานอบรมออนไลน์ได้ในเฟสบุ๊ค PASONA ที่นี่ได้เลย
FREE Registration : สามารถลงทะเบียนข้อมูลเบื้องต้นเพื่อหางานและฝากใบสมัครโดยไม่มีค่าใช้จ่ายได้ที่
>>> https://pasona.co.th/registration-form/ <<<
………………………………………………………
หางานที่ใช่ ได้งานที่ชอบ ต่อยอดความฝัน ไปให้ถึงเป้าหมาย กับ PASONA
☎️ Contact: Career Consultant
Phone: 02-108-1250
Email: info@pasona.co.th
หางาน หาคน หาคอร์สอบรม และ บริการต่างๆที่ช่วยพัฒนาองค์กร ได้ที่ PASONA
#หางาน #สมัครงาน #หางานกทม. #หางานทำ #หางานบริษัทญี่ปุ่น #ฝากประวัติ #ค้นหางาน #PASONA #สัมภาษณ์งาน #ลาออก
บทความที่เกี่ยวข้อง
“ความโปร่งใสของเงินเดือน”ปัจจัยที่มีผลต่อแรงบันดาลใจในการทำงาน
“การจ่ายค่าตอบแทนที่เท่าเทียมกับงานที่ให้”—เงื่อนไขง่ายๆที่รู้กันอยู่แล้วในโลกของการทำงาน
“คุณคิดว่าในอีก 10 ปีคุณจะเป็นอย่างไร”อีกหนึ่งคำถามที่มักถูกถามในการสัมภาษณ์งาน
ในการเตรียมตัวสัมภาษณ์งาน สิ่งสำคัญก็คือการเตรียมคำตอบสำหรับคำถามที่มักถูกถามในห้องสัมภาษณ์ คำถามหนึ่งที่เห็นได้บ่อยครั้งก็คือ “คุณคิดว่าในอีก 10 ปีคุณจะเป็นอย่างไร”
ตอบอย่างไรให้ดูดี กับคำถามสัมภาษณ์”เงินเดือนที่คุณคาดหวัง”
เพื่อหางานที่มีลักษณะและเงินเดือนที่เหมาะสมกับความต้องการ การต่อรองเงินเดือนมักไม่ได้เกิดขึ้นในขั้นตอนที่บริษัทตัดสินใจจ้างงาน มักเกิดขึ้นในหลายๆขั้นตอนก่อนหน้านั้น
สอบถามเพิ่มเติมเกี่ยวกับบริการของเรา
Thailand Head Quarter
26th Floor, Sathorn Square
Office Tower,
98 North Sathorn Road, Silom,
Bangrak, Bangkok 10500, Thailand
TEL: +662-108-1250
E-mail: info@pasona.co.th
เตรียมตัวสัมภาษณ์อย่างไร ให้ได้งาน
การสมัครงานทุกวันนี้ มีหลากหลายรูปแบบด้วยกัน ด้วยความทันสมัย และเจริญก้าวหน้าทางเทคโนโลยี ทำให้เราสามารถสมัครงานผ่านเว็บไซต์ได้ หรือส่งประวัติผ่านอีเมลล์ได้ แต่ขั้นตอนสำคัญที่สุดในการที่เราจะได้ร่วมงานกับบริษัทที่เราใฝ่ฝัน ก็คือ การสัมภาษณ์งาน ซึ่งเราจะได้มีโอกาสเข้ามาดูบรรยากาศการทำงาน สถานที่ทำงาน รวมถึงได้พบกับบุคคลากรของบริษัทนั้นๆ ซึ่งเป็นโอกาสที่เราจะได้แสดงตัวตนของเรา และสร้างความประทับใจให้กับบริษัทได้โดยตรง
เพราะฉะนั้น การเตรียมความพร้อมสำหรับการสัมภาษณ์งาน จึงเป็นเรื่องที่สำคัญอย่างมาก นอกจากเรื่องบุคลิกภาพ การแต่งกายที่เราได้พูดถึงในบทความก่อนหน้านี้แล้ว (สามารถอ่านได้ที่บทความนี้ : https://pasona.co.th/b/1144)
การเตรียมพร้อมสำหรับคำถาม รวมถึงข้อมูลบริษัทก็เป็นสิ่งที่สำคัญไม่แพ้กัน หรืออาจจะมากกว่าเสียด้วยซ้ำ เพราะเป็นวัดทัศนคติ และความเหมาะสมสำหรับตำแหน่งงานนั้นๆอย่างแท้จริง แน่นอนว่าเราไม่สามารถคาดเดาสิ่งที่ผู้สัมภาษณ์จะถามกับเราได้ แต่เราสามารถเตรียมตัวสำหรับแนวคำถามต่างๆ เพื่อเพิ่มโอกาสให้กับตัวเองได้ ถ้าอย่างนั้นเรามาเตรียมความพร้อมกันดีกว่าค่ะว่าคำถามที่มักจะเจอในการสัมภาษณ์งานมีอะไรบ้าง ซึ่งแนวคำถามต่างๆที่พบเจอได้บ่อยครั้งในการสัมภาษณ์ จะขอยกตัวอย่างจากเว็บไซต์หางานชื่อดัง JobsDB.com
คำถาม : เล่าเรื่องคุณให้เราฟังหน่อย
แนวทางการตอบ : คำถามนี้แม้จะเหมือนกับทางบริษัทอยากรู้จักคุณเพิ่มขึ้นแต่ก็ไม่ควรเล่าเรื่องส่วนตัว เช่น คุณเป็นคนอย่างไร ชอบอะไรหรือมีงานอดิเรกอะไร ควรเน้นเล่าเรื่องที่เกี่ยวกับคุณสมบัติของคุณ เรียนจบอะไรมา มีประสบการณ์การทำงานอะไรมาบ้าง และเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับการเตรียมตัวเป็นผู้สมัครที่ดีที่สุดของงานนี้ โดยในแต่ละเรื่องที่คุณเล่าควรมีเหตุการณ์หรือมีการยกตัวอย่างที่เป็นรูปธรรมประกอบด้วย
คำถาม : ทำไมเราควรจ้างคุณ
แนวทางการตอบ : คุณสามารถตอบได้ว่าคุณเป็นผู้สมัครที่เหมาะสมที่สุดสำหรับตำแหน่งนี้โดยให้เหตุผลที่เหมาะสมเพิ่มเติม ดังนั้นสิ่งที่คุณต้องรู้เพื่อจะตอบคำถามนี้ให้ได้ดีคือ รายละเอียดของตำแหน่งงานและบริษัทที่คุณสมัคร และสิ่งที่คุณจะสามารถให้กับองค์กรได้ ความรู้ความสามารถใดที่มีแต่อาจจะยังไม่เกี่ยวกับตำแหน่งนี้โดยตรงก็สามารถยกขึ้นมาพูดได้หากคุณเล็งเห็นว่ามันจะมีประโยชน์กับองค์กรได้ในอนาคต
คำถาม : ทำไมคุณจึงสนใจงานนี้/ ทำไมคุณจึงลาออกจากที่ทำงานเก่า
แนวทางการตอบ : สำหรับสองคำถามนี้ให้ตอบโดยเน้นไปที่ตัวงาน ไม่ใช่เงินเดือน สวัสดิการที่ดีกว่า เช่น สนใจงานนี้เพราะมีความท้าทายในตัวงานที่คุณคิดว่าคุณสามารถทำได้จากคุณสมบัติที่คุณมี โดยยกเหตุผลและตัวอย่างด้วย เช่นเดียวกับคำถามเรื่องการลาออกจากที่เก่าก็สามารถตอบได้ในทำนองเดียวกัน โดยควรหลีกเลี่ยงการพูดถึงปัญหาความสัมพันธ์กับเจ้านายหรือเพื่อนร่วมงานหรืออะไรก็ตามที่เป็นการพูดในแง่ไม่ดีถึงบริษัทเก่าของคุณ
คำถาม : ข้อด้อยของคุณคืออะไร
แนวทางการตอบ : หลายคนเลือกตอบคำถามนี้ด้วยการพยายามทำให้ข้อด้อยกลายเป็นข้อดีขึ้นมาเพราะไม่อยากพูดถึงข้อเสียของตัวเอง เช่น เป็นคนให้ความสำคัญกับงานมากจนไม่มีเวลาทำอย่างอื่น อาจจะดูเหมือนเป็นคำตอบที่ดีแต่ก็แฝงไปด้วยความหมายว่าคุณบริหารจัดการเวลาไม่ค่อยเป็น ในความเป็นจริงแล้วคุณสามารถพูดถึงข้อด้อยของตัวเองได้อย่างตรงไปตรงมาแต่ควรเป็นสิ่งที่คุณได้พยายามแก้ไขจนดีขึ้นแล้ว ยกตัวอย่างเช่น เคยเป็นคนบริหารจัดการเวลาไม่ค่อยเป็นทำให้ไม่ค่อยมีเวลาให้ชีวิตส่วนตัว ภายหลังจึงเลือกใช้วิธีจัดลำดับความสำคัญของงาน จัดทำ to do list หรือใช้ application มือถือช่วยจัดตารางการทำงานเป็นต้น
คำถาม : เป้าหมายระยะยาวของคุณคืออะไร
แนวทางการตอบ : บางครั้งอาจจะเป็นคำถามว่าคุณเห็นตัวเองเป็นอย่างไรใน 5 ปีต่อจากนี้ คุณสามารถตอบได้ตามความฝันของคุณ เช่นอยากนั่งตำแหน่งหัวหน้างานหรือผู้จัดการแผนก แต่ก็ควรพิจารณาเลือกเป้าหมายที่มีความเป็นไปได้ตามกรอบเวลานั้น และควรยกตัวอย่างประกอบด้วยว่าคุณวางแผนอย่างไรที่จะไปถึงเป้าหมาย คุณจะพัฒนาความสามารถอย่างไรให้เหมาะสมกับตำแหน่งนั้น ความท้าทายและอุปสรรคในการเดินไปถึงจุดหมายคืออะไรและคุณคิดว่าจะจัดการกับมันอย่างไร
จะเห็นได้ว่าการตอบคำถามในการสัมภาษณ์งานนั้นคุณไม่จำเป็นต้องคิดคำตอบให้สวยหรูดูดีเสมอไป การตอบตามความเป็นจริงนั้นดีที่สุด เพราะเป็นประสบการณ์ตรงในชีวิตที่ไม่ต้องอาศัยการท่องจำจนขาดความเป็นธรรมชาติ นอกจากนี้การพูดถึงสิ่งใดก็ตามควรมีหลักฐานหรือตัวอย่างสนับสนุนคำพูดของคุณเสมอ การซ้อมตอบคำถามเหล่านี้หลายครั้งก่อนวันสัมภาษณ์จริงจะช่วยให้คุณสามารถเลือกคำตอบที่ดีที่สุดได้ค่ะ
คำถาม : คุณรู้อะไรเกี่ยวกับบริษัทเราบ้าง
แนวทางการตอบ : ทุกครั้งที่สมัครงาน เราจำเป็นที่จะต้องรู้และเข้าใจรายละเอียดที่สำคัญของบริษัทนั้นๆ เช่น ประวัติบริษัท ผลิตภัณฑ์ ภาพลักษณ์องค์กร กลุ่มลูกค้า หากมีสิ่งที่เรารู้สึกประทับใจเกี่ยวกับบริษัทนั้นๆ ก็สามารถแสดงความชื่นชมได้อย่างเหมาะสม เพื่อแสดงให้บริษัทที่เราไปสัมภาษณ์เห็นว่าคุณมีความพร้อม และต้องการที่จะเป็นส่วนหนึ่งของบริษัทนั้นอย่างแท้จริง
สำหรับข้อแนะนำเพิ่มเติมในฐานะ Consultant ของบริษัทจัดหางาน Pasona คือเรื่องของการรักษามารยาทในการสมัครงาน ควรมีความสำรวม ให้เกียรติผู้สัมภาษณ์ สบตาอย่างจริงใจ ไม่หลบสายตา แต่ไม่จ้องตาจนเกินงาม เป็นมิตร ยิ้มแย้มแจ่มใส กระตือรือร้น เป็นผู้พูด และผู้ฟังที่ดี มีความมั่นใจในตัวเอง แต่ก็ยังคงความนอบน้อม หรือสรุปง่ายๆก็คือ เราควรเป็นตัวของตัวเองในแบบที่ดีที่สุดค่ะ
นอกจากนี้ หลังจากที่คุณได้เตรียมตัวในการสัมภาษณ์งานมาอย่างดีแล้ว แต่ดันมาเจอคำถามที่ไม่คาดคิดว่าจะถูกผู้สัมภาษณ์ถาม ก็เป็นสิ่งที่สามารถเกิดขึ้นได้เช่นกัน งั้นลองมาเตรียมพร้อมสำหรับคำถามแปลกๆกันบ้าง เพื่อเตรียมความพร้อมให้เรารู้สึกมั่นใจยิ่งขึ้นด้วยค่ะ
ขอยกตัวอย่างคำถามแปลกๆ จากเว็บไซต์ JobThai.com/REACH ดังต่อไปนี้ค่ะ
ทำไมฝาท่อระบายน้ำต้องเป็นรูปวงกลม ?
ทั้งคำถาม “ทำไมฝาท่อระบายน้ำต้องเป็นวงกลม” และคำถามว่า “คุณจะเคลื่อนย้ายภูเขาไฟฟูจิได้อย่างไร” ต่างก็เคยปรากฏในเนื้อหาของหนังสือที่มีชื่อว่า “How Would You Move Mount Fuji? Microsoft’s Cult of the Puzzle: How the World’s Smartest Company Selects the Most Creative Thinkers” ซึ่งแค่ชื่อหนังสือก็พอจะบอกได้ว่าองค์กรไอทีระดับโลกอย่าง Microsoft นั้นมีกระบวนการสัมภาษณ์งานที่โหดหินเพียงใด เพราะพวกเขามักจะสอดแทรกคำถามเชิงตรรกศาสตร์และคำถามเพื่อให้เกิดการแก้ไขปัญหาลงไปในรายการคำถามสำหรับคัดเลือกผู้สมัครงานด้วย
เมื่อเจอคำถามแบบนี้ คุณต้องอธิบายเหตุผลให้ได้ว่าทำไมถึงคุณถึงตอบแบบนั้น เช่น การตอบคำถาม ว่า “ทำไมฝาท่อระบายน้ำต้องเป็นรูปวงกลม” อาจจะอธิบายว่าฝาที่เป็นวงกลมจะทำให้กรอบของท่อนั้นแข็งแรงเพราะมีการกระจายน้ำหนักเท่ากันโดยรอบ ซึ่งต่างจากฝารูปร่างอื่น ๆ เช่น รูปสี่เหลี่ยม หรือฝาท่อแบบวงกลมไม่มีทางที่จะหล่นลงไปในท่อได้ ซึ่งฝาท่อรูปทรงสี่เหลี่ยมมีโอกาสจะตกลงไปได้หากถ้าฝาท่อสี่เหลี่ยมถูกพลิกด้านข้าง หรือคำตอบอะไรก็ได้ที่แสดงว่าคุณคิดอย่างเป็นเหตุเป็นผล เชื่อมโยงและสนับสนุนกับคำตอบของคุณ
ถ้าคุณเป็นก้อนอิฐในกำแพง คุณอยากจะเป็นก้อนอิฐก้อนไหน และทำไม?
คำถามที่ว่า “ถ้าคุณเป็นก้อนอิฐในกำแพง คุณอยากจะเป็นก้อนอิฐก้อนไหนและทำไม” หรือคำถามว่า “หากคุณเลือกเป็นสัตว์ได้หนึ่งชนิด คุณอยากเป็นอะไรและทำไม” คำถามเหล่านี้มีไว้เพื่อให้คุณได้แสดงบุคลิกภาพของคุณ คำตอบของคุณจะบ่งบอกนิสัยและคุณสมบัติบางอย่าง
เมื่อคุณเจอคำถามประเภทนี้คุณต้องคิดให้รวดเร็วและรอบคอบ จากนั้นจึงตอบคำถามโดยอาศัยสิ่งที่คุณมีอยู่หรือสิ่งที่คุณได้ทำการบ้านล่วงหน้ามาก่อน เช่น ถ้าคุณเตรียมตัวตอบคำถามประเภทข้อดี–ข้อเสียของตัวคุณ คุณสามารถนำการตอบแบบนั้นมาผสมผสานกับการตอบคำถามประเภทนี้ได้ ถ้าจะตอบคำถามว่า “อยากเป็นอิฐก้อนไหน” คุณอาจจะตอบว่า “ฉันอยากจะเป็นอิฐก้อนแรกที่อยู่ที่ฐานล่างสุดของกำแพง เพราะฉันเป็นคนที่หนักแน่น คนอื่นไว้วางใจได้ ถ้าใครได้ทำงานด้วยก็มั่นใจได้เลยว่าฉันจะไม่ทำให้ผิดหวัง ฉันจะคอยเป็นฐานที่แข็งแกร่งคอยสนับสนุนคนอื่น ๆ ในทีมเอง”
อย่าลืมว่าท้ายที่สุดแล้วไม่ว่าคำถามจะแปลกแค่ไหน คิด พิจารณาทุกอย่างให้ดีก่อนตอบคำถามนั้นออกไป เพราะทุกคำถามก็เป็นไปเพื่อการทดสอบความเหมาะสมของคุณกับตำแหน่งงานนั้น ๆ อยู่ดี
นอกจากนี้ทาง Pasona ยังมีคำถามสัมภาษณ์งานโดยรวบรวมจาก Consultant ชาวญี่ปุ่นมาฝากให้กับผู้สมัครงานที่สนใจสมัครงานกับบริษัทญี่ปุ่นอีกด้วยค่ะ หากคุณกำลังสนใจ หรือกำลังได้สัมภาษณ์กับบริษัทญี่ปุ่น เราขอแนะนำให้ลองฝึกตอบคำถามดังต่อไปนี้ค่ะ
- แนะนำตัวเองอะไรก็ได้ ภายในหนึ่ง หรือ สองนาที
- ทำไมถึงอยากร่วมงานกับเรา
- คุณรู้อะไรเกี่ยวกับบริษัทเราบ้าง
- จงบอกข้อดี ข้อเสียของคุณ
เทคนิค คือ ควรตอบข้อเสียที่มาพร้อมกับแผนการว่าจะพัฒนา หรือแก้ไขข้อเสียได้อย่างไร
- กิจกรรมที่เข้าร่วมในขณะเรียนมหาลัย หรือประสบการณ์การทำงานที่ผ่านมา เช่น จิตอาสา กีฬา หรือทำPart Time เพื่อดูประสบการณ์ที่เกี่ยวข้องกับตำแหน่งงานที่สมัคร ว่าผู้สมัครมีความเหมาะสมกับตำแหน่งงานนั้นๆหรือไม่
- เนื้อหาข่าวที่ผู้สมัครสนใจ เช่น ข่าวการเมือง เศรษฐกิจ สำหรับตำแหน่งงานทั่วไป ว่าเป็นคนสนใจเหตุการณ์ รอบรู้หรือไม่ ผู้สมัครควรมีความรู้เกี่ยวกับข่าวการเมือง เศรษฐกิจ สังคม อย่างใดอย่างหนึ่ง
- ระยะเวลาในการทำงาน เทคนิคการตอบคือ ควรมีความตั้งใจที่จะทำงานกับทางบริษัทมากกว่าห้าปี
- ในการสัมภาษณ์ครั้งสุดท้าย บริษัทอาจจะถามว่า บริษัทของเราเป็นที่ที่คุณให้ความสำคัญ หรืออยากร่วมงานเป็นอันดับแรกหรือไม่ ผู้สมัครไม่ควรตอบไปว่าสัมภาษณ์หลายที่ ควรมีความมุ่งมั่นที่จะร่วมงานกับทางบริษัทจริงๆ
- มีคำถามอะไรอยากจะถามเรารึเปล่า เป็นคำถามเพื่อวัดว่าสนใจบริษัทเรา หรืองานนั้นจริงๆหรือไม่
จะเห็นได้ว่าคำถามที่สัมภาษณ์ในไทย กับญี่ปุ่นจะค่อนข้างคล้ายกัน มีจุดแตกต่างเพียงกันเล็กน้อย คือ เรื่องของความสนใจเกี่ยวกับข่าวสารบ้านเมือง เพื่อดูว่าเป็นคนสนใจสิ่งรอบตัว หรือพอมีความรู้รอบตัวบ้างหรือไม่ และเรื่องของระยะเวลาการทำงานที่ทางญี่ปุ่นจะให้ความสำคัญกับความจงรักภักดีในองค์กร โดยคาดหวังให้พนักงานทำงานกับบริษัทไปนานๆ
แต่จะให้ฝึกตอบคำถามทั่วไปแบบนี้ ก็อาจจะธรรมดาไปหน่อย ทาง Pasona จึงได้นำแนวคำถามแปลกๆในการสัมภาษณ์งานจากทางญี่ปุ่นบางส่วนมาให้ผู้สมัครงานฝึกตอบคำถามกันด้วยค่ะ
- ให้พรีเซ็นท์ หรือหาวิธีเพื่อเปลี่ยนทัศนคติของผู้สัมภาษณ์ เช่น เป็นคนไม่ชอบเขียนจดหมาย ทำอย่างไรให้ชอบเขียนจดหมาย หรือ ไม่ชอบดูหนัง จะนำเสนอยังไงให้ชอบดูหนัง
- มีรูปมาให้ เป็นวัสดุหนึ่งชิ้น แล้วถามว่า สิ่งนี้สามารถทำอะไรได้บ้าง ให้บอกมา 10 ข้อ (คำถามในการสมัครบริษัทให้คำปรึกษา เป็นแบบ brainstorm เพื่อดูทักษะความคิดสร้างสรรค์ และการคิดเชิงตรรกะ
- ให้ผู้สมัครงานเป็นผู้สัมภาษณ์คนของบริษัท หลังจากเป็นผู้ถูกสัมภาษณ์ ให้สลับบทบาทกัน เพื่อดูว่าผู้สมัครงานเตรียมความพร้อมมามากแค่ไหน
และอีกหนึ่งคำถามที่น่าสนใจในด้านกระบวนการคิดคำนวณ จากบริษัท Consulting ที่จะขอยกตัวอย่างมาจากเว็บไซต์ JobThai.com/REACH ค่ะ
- ในประเทศญี่ปุ่นมีร้านทำผมสตรีกี่ร้าน
คนสัมภาษณ์ต้องการเปิดโอกาสให้คุณได้แสดงทักษะและกระบวนการคิดของคุณ เมื่อคุณถูกถามแบบนี้ คุณต้องเรียบเรียงความคิดของคุณออกมาเป็นคำพูดให้ดี คุณอาจจะเริ่มด้วยการวิเคราะห์ เช่น เราต้องรู้จำนวนประชากรของประเทศญี่ปุ่นก่อน และเราต้องค้นหาว่าคนญี่ปุ่นทำผมคิดเป็นกี่เปอร์เซ็นต์ของคนทั้งประเทศและพวกเขาทำผมบ่อยแค่ไหน
ซึ่งบ่อยครั้งที่ผู้สมัครมักจะตอบคำถามที่เหนือความคาดหมายไม่ได้ เนื่องจากไม่ได้เตรียมความพร้อมสำหรับคำถามเหล่านี้มา เราจึงควรฝึกตอบคำถามที่มีความแปลก และไม่คาดคิดว่าจะถูกถามไว้ด้วย โดยเริ่มฝึกจากคำถามที่ทาง Pasona ได้ยกตัวอย่างมา และจากเว็บไซต์ต่างๆเพิ่มเติมได้ค่ะ เพื่อที่ว่าเราจะได้มีสกิลในการตอบคำถามเพิ่มขึ้น และไม่ตื่นตระหนกจนเกินไป
เมื่อเรารู้แนวทางการสัมภาษณ์งานแล้ว ก็อย่าชะล่าใจเชียวค่ะ รีบมาฝึกตอบคำถามเพื่อเตรียมความพร้อมในการสัมภาษณ์งานกันดีกว่า เพราะถ้าเราหมั่นฝึกฝนตัวเองจนมีความพร้อมแล้ว รบร้อยครั้งก็ชนะร้อยครั้ง เช่นเดียวกันกับการสมัครงานค่ะ ถ้าเราหมั่นฝึกตอบคำถามควบคู่ไปกับการฝึกฝนทักษะต่างๆอย่างสม่ำเสมอ สมัครงานกี่ครั้งก็ผ่านทุกครั้งแน่นอนค่ะ ทาง Pasona ขอเป็นกำลังใจให้ผู้ที่กำลังจะได้สัมภาษณ์งานได้งานที่ตรงกับใจต้องการกันนะคะ
บทความที่เกี่ยวข้อง
“ความโปร่งใสของเงินเดือน”ปัจจัยที่มีผลต่อแรงบันดาลใจในการทำงาน
“การจ่ายค่าตอบแทนที่เท่าเทียมกับงานที่ให้”—เงื่อนไขง่ายๆที่รู้กันอยู่แล้วในโลกของการทำงาน
“คุณคิดว่าในอีก 10 ปีคุณจะเป็นอย่างไร”อีกหนึ่งคำถามที่มักถูกถามในการสัมภาษณ์งาน
ในการเตรียมตัวสัมภาษณ์งาน สิ่งสำคัญก็คือการเตรียมคำตอบสำหรับคำถามที่มักถูกถามในห้องสัมภาษณ์ คำถามหนึ่งที่เห็นได้บ่อยครั้งก็คือ “คุณคิดว่าในอีก 10 ปีคุณจะเป็นอย่างไร”
ตอบอย่างไรให้ดูดี กับคำถามสัมภาษณ์”เงินเดือนที่คุณคาดหวัง”
เพื่อหางานที่มีลักษณะและเงินเดือนที่เหมาะสมกับความต้องการ การต่อรองเงินเดือนมักไม่ได้เกิดขึ้นในขั้นตอนที่บริษัทตัดสินใจจ้างงาน มักเกิดขึ้นในหลายๆขั้นตอนก่อนหน้านั้น
สอบถามเพิ่มเติม
เกี่ยวกับบริการของเรา