[ควรบอกเจ้านายคนปัจจุบันดีมั้ย ว่ากำลังหางานใหม่อยู่?]
หากคุณกำลังมองหาทางเลือกใหม่ๆให้กับชีวิตการทำงานของคุณ ทางเลือกที่มากกว่าที่งานปัจจุบันของคุณสามารถให้ได้ ซึ่งอาจจะเป็นงานใหม่ในบริษัทเดิม หรือแม้แต่งานใหม่ในบริษัทใหม่ ถ้าคุณถูกเรียกไปสัมภาษณ์งาน มันจะจำเป็นหรือไม่ที่คุณจะอัพเดทและแจ้งให้กับหัวหน้าคนปัจจุบันได้รับทราบเอาไว้
วันนี้เราจะมาพูดถึงวิธีการพิจารณาว่าเมื่อใด และควรหรือไม่ ที่คุณจะบอกหัวหน้าคนปัจจุบันว่าคุณกำลังสัมภาษณ์งานอื่นอยู่
ควรบอกหัวหน้าดีมั้ยว่ากำลังสัมภาษณ์งานอื่นอยู่?
เป็นเรื่องละเอียดอ่อนมากในการบอกเล่าความตั้งใจของตัวเองว่ากำลังอยู่ในระหว่างการหางานใหม่อยู่ เพราะเป็นเรื่องที่ซับซ้อนและเป็นการตัดสินใจส่วนบุคคลเป็นกรณีไป และคุณควรพิจารณาตัวเลือกต่างๆอย่างถี่ถ้วนรอบคอบ ซึ่งคุณอาจจะขอคำปรึกษาจากเพื่อนที่คุณไว้ใจได้ เพื่อนร่วมงาน หรือ ที่ปรึกษาในการทำงาน
หากงานปัจจุบันที่คุณทำอยู่มีความพึงพอใจต่ำกว่าที่คาดหวังไว้ คุณอาจจะนึกถึงว่าคุณควรแบ่งปันความคิดและความรู้สึกนี้ให้กับผู้จัดการของคุณหรือไม่ คุณอาจจะกำลังลังเลว่าควรบอกหัวหน้าตอนนี้ว่ากำลังหางานใหม่อยู่ หรือ เก็บเงียบไว้ไม่บอกจนถึงวันที่จะต้องเปลี่ยนงานจริงๆดี
มีปัจจัยหลายด้านที่คุณควรพิจารณาก่อนตัดสินใจ
- ความสัมพันธ์ระหว่างตัวคุณและหัวหน้า
เข้าใจสถานการณ์ความสัมพันธ์ระหว่างตัวคุณและหัวหน้า ก่อนที่คุณจะทำอะไรลงไปที่อาจทำให้ต้องเสียใจในภายหลังได้ ใช้เวลาคิดพิจารณาให้ถี่ถ้วนว่าคุณหากคุณบอกไป ความสัมพันธ์ มุมมอง และทัศนคติของหัวหน้าที่มีต่อคุณจะมีแนวโน้มเปลี่ยนไปในทิศทางใด
หากความสัมพันธ์ปัจจุบันกับหัวหน้านั้นยังดีอยู่ และหัวหน้าก็สนับสนุนงานต่างๆของคุณดี การแจ้งเรื่องการหางานใหม่ของคุณก็จะมีผลกับความสัมพันธ์ไม่มากนัก และดีไม่ดี หัวหน้าคนปัจจุบันของคุณอาจจะช่วยสนับสนุนในการหาตำแหน่งงานใหม่ๆที่เหมาะกับคุณก็เป็นได้
หัวหน้างานที่สนับสนุนทีมงานอยู่เสมอ มักจะให้คำแนะนำที่ดีและเป็นบุคคลอ้างอิงในการเปลี่ยนงานได้ในอนาคต เพราะการสัมภาษณ์และการได้งานใหม่นั้น การมีบุคคลอ้างอิงที่ดีก็จะช่วยให้ได้งานได้ง่ายขึ้นมาก
- ประโยชน์ร่วม
หัวหน้างานที่ดีจะให้คุณค่ากับการรักษาพนักงานที่มีคุณภาพและตั้งใจทำงาน โดยเฉพาะหากบริษัทมีนโยบายในการลงทุนกับพนักงานด้านการพัฒนาทักษะและอบรม การลาออกและการเปลี่ยนงานของพนักงานมีต้นทุนที่สูงและใช้เวลานานในการหาคนมาแทนที่ซึ่งทำให้ประสิทธิภาพการทำงานของทีมลดลง
คุณสามารถทำให้หัวหน้างานรับรู้ว่าคุณกำลังหาโอกาสใหม่ๆในการเติบโตหรือสิ่งใหม่ๆที่แตกต่างจากเดิม หรือแม้แต่มีเหตุผลอื่นๆที่ทำให้คุณอยากเปลี่ยนงาน คุณสามารถปรึกษาหัวหน้าได้ตั้งแต่เนิ่นๆโดยไม่ได้พูดถึงการหางานใหม่
หากคุณเป็นพนักงานที่ดี และทำประโยชน์ให้กับทีมได้มาก หัวหน้าคนปัจจุบันของคุณจะต้องอยากให้ทำงานต่ออย่างแน่นอน แต่ถ้าไปต่อไม่ไหวแล้ว หัวหน้าของคุณก็จะช่วยให้คุณพบงานใหม่และให้คำแนะนำในการสัมภาษณ์งานได้
- รับรู้ถึงผลเสียที่อาจเกิดขึ้น
การเปิดเผยเรื่องการหางานเร็วเกินไป จะส่งผลกระทบอย่างใหญ่หลวงต่องานที่ทำอยู่ ดังนั้นจึงทำให้พนักงานจำนวนมากตัดสินใจที่จะไม่บอกใครในที่ทำงานจนกว่าจะได้รับการยืนยันว่าได้งานใหม่แล้วแน่นอน
คุณอาจไม่ต้องการให้หัวหน้าคนปัจจุบันดูแลคุณแตกต่างจากเดิม ไม่ต้องการถูกมองว่าเป็นคนไม่ภักดีต่อบริษัท หรือแม้แต่ ไม่มีความพยายามในการทำงาน ยิ่งไปกว่านั้นคุณอาจจะพลาดการได้รับงานโครงการใหญ่ๆ โอกาสในการเข้ารับการอบรมที่หาได้ยาก ดังนั้นการตั้งใจทำงานให้เต็มที่ที่สุดระหว่างที่กำลังหางานอยู่ เมื่อถึงจังหวะที่ต้องจากลา ก็จะไม่มีอะไรที่ค้างคาต่อกัน
- หลีกเลี่ยงการประกาศหรือโพสต์เรื่องหางานใหม่ในพื้นที่สาธารณะหรือสื่อโซเชียล
หากคุณต้องการให้การสัมภาษณ์เป็นความลับ ก็จงอย่าทำอะไรก็ตามที่ทำให้หัวหน้าหรือเพื่อนร่วมงานเกิดความสงสัยว่ากำลังหางานใหม่อยู่หรือเปล่า นอกจากนั้นก็ควรหลีกเลี่ยงการใช้งานอินเตอร์เน็ตของบริษัทในการค้นหางานเพราะองค์กรสามารถตรวจจับการใช้งานเว็บไซต์ของพนักงานได้
และหากคุณมีความจำเป็นจะต้องรับสายโทรศัพท์ที่เกี่ยวกับการหางานใหม่ ใช้โทรศัพท์ส่วนตัว ไม่ใช้โทรศัพท์ของบริษัท เพราะจะสะดวกต่อการนัดหมายในการสัมภาษณ์นอกเวลางานได้
และยิ่งไปกว่านั้น งดการประกาศเรื่องการหางานใหม่บนสื่อสังคมออนไลน์ เพราะหัวหน้างานหรือเพื่อนร่วมงานของคุณอาจจะรับรู้ได้ นอกจากนี้บริษัทที่คุณตั้งใจจะไปสมัครงานด้วยอาจพบเห็นโพสต์ดังกล่าวที่ทำให้คุณถูกมองได้ว่า ไม่มีความเป็นมืออาชีพ และ มีการวางตัวไม่ดีพอ
เมื่อไหร่ที่คุณควรบอกเรื่องการหางานใหม่กับหัวหน้าของคุณ?
ในบริษัทส่วนใหญ่ การแจ้งล่วงหน้าก่อนการลาออกอย่างน้อย 2 สัปดาห์เป็นสิ่งจำเป็น ดังนั้นการพิจารณาปัจจัยเกี่ยวกับวัฒนธรรมขององค์กรว่าอนุญาตให้พนักงานสามารถแจ้งการหางานใหม่ได้ในระดับใด และนอกจากวัฒนธรรมขององค์กรแล้วยังมีปัจจัยที่มีผลต่อการแจ้งเรื่องการหางานใหม่อีก อาทิ
ช่วงเวลาที่คุณทำงานให้กับองค์กร
หากคุณอยู่ในองค์กรเป็นเวลานานหลายปี และดูไม่มีทีท่าว่าจะมีความสุขกับการทำงาน รวมทั้งไม่สามารถหาตัวตนของตัวเองเจอ นอกเหนือจากที่หัวหน้าจะไม่รั้งเอาไว้แล้วยังสนับสนุนการเติบโตและหาหนทางใหม่ๆในการหางานที่มีเนื้อหางานที่เหมาะสมให้อีกด้วย
หากคุณเกิดความเครียดเกี่ยวกับการหางาน ลองพิจารณาถึงตารางเวลาที่คุณจะใช้พูดคุยเรื่องแผนการณ์แบบพบหน้ากับหัวหน้าของคุณ พิจารณาว่าหัวหน้าของคุณสะดวกช่วงไหนเพื่อพูดคุยเรื่องการวางแผนงานด้านอาชีพของคุณได้
เตรียมตัวล่วงหน้า
ตัดสินใจล่วงหน้าในหัวข้อที่จะพูดคุยกับหัวหน้าของคุณ ตระเตรียมเหตุผลที่มีน้ำหนักพอว่าเพราะเหตุใดคุณจึงสนใจหางานใหม่หรือเปลี่ยนสายอาชีพ อาทิ การขยับขยายไปในสายงานอื่น หรือ เหตุผลส่วนตัวด้านครอบครัว นอกจากนี้คุณสามารถแจ้งหัวหน้าของคุณเกี่ยวกับความต้องการในการพัฒนาด้านอาชีพ ความต้องการในการรับผิดชอบมากขึ้น รวมทั้งต้องการเงินเดือนที่มากขึ้น
หากโอกาสในการพัฒนาด้านอาชีพของคุณไม่สามารถหาได้ในบริษัทของคุณ คุณสามารถอธิบายเป้าหมายส่วนตัวหรือเป้าหมายการเติบโตเป็นมืออาชีพที่ไม่ถูกเติมเต็มกับหัวหน้าของคุณได้
พูดคุยเกี่ยวกับความรับผิดชอบงานในปัจจุบัน
เตรียมตัวให้พร้อมในการสร้างความมั่นใจให้กับหัวหน้างานของคุณว่าถึงแม้คุณกำลังหางานใหม่อยู่แต่ความรับผิดชอบในงานปัจจุบันก็จะไม่ขาดตกบกพร่องแต่อย่างใด สิ่งนี้จะช่วยยืนยันได้ว่าคุณมีความรับผิดชอบระดับมืออาชีพที่ทำให้คุณสามารถสร้างชื่อเสียงได้ไม่น้อยเลย นอกจากนี้ยังช่วยให้หัวหน้าของคุณสามารถวางแผนการอบรมและหาพนักงานใหม่ที่จะมาทำหน้าที่แทนคุณได้
หากตำแหน่งงานของคุณไม่สามารถหาคนมาแทนได้อย่างรวดเร็ว จะทำให้เกิดความตึงเครียดในทีมงานปัจจุบันของคุณที่จะต้องแบ่งรับงานของคุณไป ดังนั้นหากคุณยังมีความสัมพันธ์ที่ดีกับหัวหน้าและต้องการรักษาความสัมพันธ์ที่ดีเอาไว้ คุณก็ไม่ควรจงใจโยนงานให้กับคนอื่นทำในขณะที่คุณยังทำงานอยู่ในบริษัท
หากคุณได้รับการตอบตกลงจากบริษัทที่คุณไปสัมภาษณ์มา
แนะนำว่าควรแจ้งบริษัทปัจจุบันล่วงหน้าว่าคุณกำลังจะไปรับงานใหม่จากบริษัทใหม่ เคลียร์โครงการทั้งหมดที่คุณถืออยู่ และหากเป็นไปได้ ช่วยอบรมพนักงานที่จะมาทำแทนคุณ เพื่อยืนยันว่าการส่งต่องานเป็นไปได้ด้วยดีก็จะทำให้คุณได้รับคำชื่นชมและมีความเป็นมืออาชีพมากขึ้น
เมื่อไหร่ที่คุณไม่ควรบอกเรื่องการหางานใหม่กับหัวหน้าของคุณ?
การบอกเรื่องการหางานใหม่ของคุณให้กับหัวหน้าขึ้นอยู่กับวัฒนธรรมขององค์กรและความสัมพันธ์ของคุณกับหัวหน้า ในบางกรณี ก็อาจจะเป็นการดีกว่าหากคุณจะไม่บอกเรื่องการหางานใหม่ในทันที
เวลาไม่เหมาะสม
หลีกเลี่ยงการทำให้หัวหน้าของคุณตกใจด้วยการเดินไปหาและพูดในทันทีเรื่องการหางานใหม่ โดยเฉพาะในช่วงที่บริษัทและหัวหน้าของคุณมีภารกิจต้องทำจำนวนมาก เพราะสิ่งเหล่านั้นอาจสร้างความน่าหงุดหงิด ขัดขวางการทำงานรายวัน และยังผลให้เกิดผลตอบรับที่ไม่สู้ดีนัก
หากคุณทำงานในองค์กรที่มีโอกาสได้พบลูกค้าบ่อยครั้ง อย่ารอที่จะแจ้งในช่วงเวลาที่กระชั้นชิดใกล้วันที่คุณจะลาออกมากจนเกินไป หัวหน้าของคุณอาจต้องการเวลาพอสมควรในการจ้างและอบรมพนักงานที่จะมาทำหน้าที่แทนคุณ
มีความสัมพันธ์ที่ไม่ค่อยดีนักกับหัวหน้า
หากความสัมพันธ์ของคุณกับหัวหน้าห่างจากคำว่า “มิตรภาพ” มากนัก คุณก็ไม่ควรแจ้งเรื่องการหางานเร็วจนเกินไป ไม่ควรจะนำตัวเข้าไปเสี่ยงกับการแจ้งว่าหางานอยู่จนกว่าจะได้รับงานใหม่จากบริษัทใหม่จริงๆ และเมื่อถึงเวลาที่จะต้องแจ้งเรื่องการลาออก ขอให้แจ้งด้วยความสุภาพและมีความเป็นมืออาชีพ เพื่อรักษาความสัมพันธ์ให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้
หากคุณรู้สึกว่าการไปสัมภาษณ์งานที่อื่นของคุณเสี่ยงที่จะถูกจับได้ การจัดตารางเวลาไปสัมภาษณ์นอกเหนือจากช่วงเวลางาน หรือการลางานไปเลย น่าจะปลอดภัยกว่า โดยเฉพาะกับการสัมภาษณ์ที่ดูจะยืดยาว
วัฒนธรรมองค์กรที่ไม่เอื้อต่อการตัดสินใจได้อย่างอิสระ
เมื่อคุณตัดสินใจว่าจะแจ้งล่วงหน้านานขนาดไหนดี ให้พิจารณาจากประวัติการการทำเรื่องลาออกของพนักงานที่ผ่านมา รวมทั้งขั้นตอนที่เราจะต้องปฏิบัติตาม ตรวจสอบว่าเพื่อนร่วมงานเหล่านั้นลาออกจากงานก่อนช่วงเวลาที่พวกเขาวางแผนเอาไว้หรือไม่
นอกจากนี้ การแจ้งล่วงหน้าถึงการหางานใหม่นานเกินไป คุณอาจจะไม่ได้รับโอกาสในการได้รับโครงการที่สำคัญๆหรือความรับผิดชอบที่ดีต่อการใส่ในประวัติการทำงาน หากคุณค้นพบว่าหัวหน้าของคุณดูแลทีมงานไม่ดีนักเมื่อเกิดการลาออก คุณก็อาจจะได้รับการดูแลที่ไม่ดีนักไม่แตกต่างกัน ดังนั้นการแจ้งลาออกระหว่าง 2 สัปดาห์ – 1 เดือนน่าจะเป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุด
ส่วนท่านใดที่กำลังหางานที่สามารถแสดงศักยภาพของตัวเองให้ได้มากที่สุดในบริษัทญี่ปุ่นในประเทศไทย ทาง PASONA ก็ยินดีเป็นอีกกำลังสำคัญในการสนับสนุนช่วยให้ท่านหางานที่ใช่ได้โดยเร็วนะครับ
………………………………………………………
สามารถติดตามข่าวสาร ตำแหน่งงานจากบริษัทญี่ปุ่นทั่วประเทศ และงานอบรมออนไลน์ได้ในเฟสบุ๊ค PASONA ที่นี่ได้เลย
FREE Registration : สามารถลงทะเบียนข้อมูลเบื้องต้นเพื่อหางานและฝากใบสมัครโดยไม่มีค่าใช้จ่ายได้ที่
>>> https://pasona.co.th/registration-form/ <<<
………………………………………………………
หางานที่ใช่ ได้งานที่ชอบ ต่อยอดความฝัน ไปให้ถึงเป้าหมาย กับ PASONA
☎️ Contact: Career Consultant
Phone: 02-108-1250
Email: info@pasona.co.th
………………………………………………………
#หางาน #สมัครงาน #หางานกทม. #หางานทำ #หางานบริษัทญี่ปุ่น #ฝากประวัติ #ค้นหางาน #PASONA #สัมภาษณ์งาน
บทความที่เกี่ยวข้อง
“ความโปร่งใสของเงินเดือน”ปัจจัยที่มีผลต่อแรงบันดาลใจในการทำงาน
“การจ่ายค่าตอบแทนที่เท่าเทียมกับงานที่ให้”—เงื่อนไขง่ายๆที่รู้กันอยู่แล้วในโลกของการทำงาน
“คุณคิดว่าในอีก 10 ปีคุณจะเป็นอย่างไร”อีกหนึ่งคำถามที่มักถูกถามในการสัมภาษณ์งาน
ในการเตรียมตัวสัมภาษณ์งาน สิ่งสำคัญก็คือการเตรียมคำตอบสำหรับคำถามที่มักถูกถามในห้องสัมภาษณ์ คำถามหนึ่งที่เห็นได้บ่อยครั้งก็คือ “คุณคิดว่าในอีก 10 ปีคุณจะเป็นอย่างไร”
ตอบอย่างไรให้ดูดี กับคำถามสัมภาษณ์”เงินเดือนที่คุณคาดหวัง”
เพื่อหางานที่มีลักษณะและเงินเดือนที่เหมาะสมกับความต้องการ การต่อรองเงินเดือนมักไม่ได้เกิดขึ้นในขั้นตอนที่บริษัทตัดสินใจจ้างงาน มักเกิดขึ้นในหลายๆขั้นตอนก่อนหน้านั้น
สอบถามเพิ่มเติมเกี่ยวกับบริการของเรา
Thailand Head Quarter
26th Floor, Sathorn Square
Office Tower,
98 North Sathorn Road, Silom,
Bangrak, Bangkok 10500, Thailand
TEL: +662-108-1250
E-mail: info@pasona.co.th
เตรียมตัวสัมภาษณ์อย่างไร ให้ได้งาน
การสมัครงานทุกวันนี้ มีหลากหลายรูปแบบด้วยกัน ด้วยความทันสมัย และเจริญก้าวหน้าทางเทคโนโลยี ทำให้เราสามารถสมัครงานผ่านเว็บไซต์ได้ หรือส่งประวัติผ่านอีเมลล์ได้ แต่ขั้นตอนสำคัญที่สุดในการที่เราจะได้ร่วมงานกับบริษัทที่เราใฝ่ฝัน ก็คือ การสัมภาษณ์งาน ซึ่งเราจะได้มีโอกาสเข้ามาดูบรรยากาศการทำงาน สถานที่ทำงาน รวมถึงได้พบกับบุคคลากรของบริษัทนั้นๆ ซึ่งเป็นโอกาสที่เราจะได้แสดงตัวตนของเรา และสร้างความประทับใจให้กับบริษัทได้โดยตรง
เพราะฉะนั้น การเตรียมความพร้อมสำหรับการสัมภาษณ์งาน จึงเป็นเรื่องที่สำคัญอย่างมาก นอกจากเรื่องบุคลิกภาพ การแต่งกายที่เราได้พูดถึงในบทความก่อนหน้านี้แล้ว (สามารถอ่านได้ที่บทความนี้ : https://pasona.co.th/b/1144)
การเตรียมพร้อมสำหรับคำถาม รวมถึงข้อมูลบริษัทก็เป็นสิ่งที่สำคัญไม่แพ้กัน หรืออาจจะมากกว่าเสียด้วยซ้ำ เพราะเป็นวัดทัศนคติ และความเหมาะสมสำหรับตำแหน่งงานนั้นๆอย่างแท้จริง แน่นอนว่าเราไม่สามารถคาดเดาสิ่งที่ผู้สัมภาษณ์จะถามกับเราได้ แต่เราสามารถเตรียมตัวสำหรับแนวคำถามต่างๆ เพื่อเพิ่มโอกาสให้กับตัวเองได้ ถ้าอย่างนั้นเรามาเตรียมความพร้อมกันดีกว่าค่ะว่าคำถามที่มักจะเจอในการสัมภาษณ์งานมีอะไรบ้าง ซึ่งแนวคำถามต่างๆที่พบเจอได้บ่อยครั้งในการสัมภาษณ์ จะขอยกตัวอย่างจากเว็บไซต์หางานชื่อดัง JobsDB.com
คำถาม : เล่าเรื่องคุณให้เราฟังหน่อย
แนวทางการตอบ : คำถามนี้แม้จะเหมือนกับทางบริษัทอยากรู้จักคุณเพิ่มขึ้นแต่ก็ไม่ควรเล่าเรื่องส่วนตัว เช่น คุณเป็นคนอย่างไร ชอบอะไรหรือมีงานอดิเรกอะไร ควรเน้นเล่าเรื่องที่เกี่ยวกับคุณสมบัติของคุณ เรียนจบอะไรมา มีประสบการณ์การทำงานอะไรมาบ้าง และเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับการเตรียมตัวเป็นผู้สมัครที่ดีที่สุดของงานนี้ โดยในแต่ละเรื่องที่คุณเล่าควรมีเหตุการณ์หรือมีการยกตัวอย่างที่เป็นรูปธรรมประกอบด้วย
คำถาม : ทำไมเราควรจ้างคุณ
แนวทางการตอบ : คุณสามารถตอบได้ว่าคุณเป็นผู้สมัครที่เหมาะสมที่สุดสำหรับตำแหน่งนี้โดยให้เหตุผลที่เหมาะสมเพิ่มเติม ดังนั้นสิ่งที่คุณต้องรู้เพื่อจะตอบคำถามนี้ให้ได้ดีคือ รายละเอียดของตำแหน่งงานและบริษัทที่คุณสมัคร และสิ่งที่คุณจะสามารถให้กับองค์กรได้ ความรู้ความสามารถใดที่มีแต่อาจจะยังไม่เกี่ยวกับตำแหน่งนี้โดยตรงก็สามารถยกขึ้นมาพูดได้หากคุณเล็งเห็นว่ามันจะมีประโยชน์กับองค์กรได้ในอนาคต
คำถาม : ทำไมคุณจึงสนใจงานนี้/ ทำไมคุณจึงลาออกจากที่ทำงานเก่า
แนวทางการตอบ : สำหรับสองคำถามนี้ให้ตอบโดยเน้นไปที่ตัวงาน ไม่ใช่เงินเดือน สวัสดิการที่ดีกว่า เช่น สนใจงานนี้เพราะมีความท้าทายในตัวงานที่คุณคิดว่าคุณสามารถทำได้จากคุณสมบัติที่คุณมี โดยยกเหตุผลและตัวอย่างด้วย เช่นเดียวกับคำถามเรื่องการลาออกจากที่เก่าก็สามารถตอบได้ในทำนองเดียวกัน โดยควรหลีกเลี่ยงการพูดถึงปัญหาความสัมพันธ์กับเจ้านายหรือเพื่อนร่วมงานหรืออะไรก็ตามที่เป็นการพูดในแง่ไม่ดีถึงบริษัทเก่าของคุณ
คำถาม : ข้อด้อยของคุณคืออะไร
แนวทางการตอบ : หลายคนเลือกตอบคำถามนี้ด้วยการพยายามทำให้ข้อด้อยกลายเป็นข้อดีขึ้นมาเพราะไม่อยากพูดถึงข้อเสียของตัวเอง เช่น เป็นคนให้ความสำคัญกับงานมากจนไม่มีเวลาทำอย่างอื่น อาจจะดูเหมือนเป็นคำตอบที่ดีแต่ก็แฝงไปด้วยความหมายว่าคุณบริหารจัดการเวลาไม่ค่อยเป็น ในความเป็นจริงแล้วคุณสามารถพูดถึงข้อด้อยของตัวเองได้อย่างตรงไปตรงมาแต่ควรเป็นสิ่งที่คุณได้พยายามแก้ไขจนดีขึ้นแล้ว ยกตัวอย่างเช่น เคยเป็นคนบริหารจัดการเวลาไม่ค่อยเป็นทำให้ไม่ค่อยมีเวลาให้ชีวิตส่วนตัว ภายหลังจึงเลือกใช้วิธีจัดลำดับความสำคัญของงาน จัดทำ to do list หรือใช้ application มือถือช่วยจัดตารางการทำงานเป็นต้น
คำถาม : เป้าหมายระยะยาวของคุณคืออะไร
แนวทางการตอบ : บางครั้งอาจจะเป็นคำถามว่าคุณเห็นตัวเองเป็นอย่างไรใน 5 ปีต่อจากนี้ คุณสามารถตอบได้ตามความฝันของคุณ เช่นอยากนั่งตำแหน่งหัวหน้างานหรือผู้จัดการแผนก แต่ก็ควรพิจารณาเลือกเป้าหมายที่มีความเป็นไปได้ตามกรอบเวลานั้น และควรยกตัวอย่างประกอบด้วยว่าคุณวางแผนอย่างไรที่จะไปถึงเป้าหมาย คุณจะพัฒนาความสามารถอย่างไรให้เหมาะสมกับตำแหน่งนั้น ความท้าทายและอุปสรรคในการเดินไปถึงจุดหมายคืออะไรและคุณคิดว่าจะจัดการกับมันอย่างไร
จะเห็นได้ว่าการตอบคำถามในการสัมภาษณ์งานนั้นคุณไม่จำเป็นต้องคิดคำตอบให้สวยหรูดูดีเสมอไป การตอบตามความเป็นจริงนั้นดีที่สุด เพราะเป็นประสบการณ์ตรงในชีวิตที่ไม่ต้องอาศัยการท่องจำจนขาดความเป็นธรรมชาติ นอกจากนี้การพูดถึงสิ่งใดก็ตามควรมีหลักฐานหรือตัวอย่างสนับสนุนคำพูดของคุณเสมอ การซ้อมตอบคำถามเหล่านี้หลายครั้งก่อนวันสัมภาษณ์จริงจะช่วยให้คุณสามารถเลือกคำตอบที่ดีที่สุดได้ค่ะ
คำถาม : คุณรู้อะไรเกี่ยวกับบริษัทเราบ้าง
แนวทางการตอบ : ทุกครั้งที่สมัครงาน เราจำเป็นที่จะต้องรู้และเข้าใจรายละเอียดที่สำคัญของบริษัทนั้นๆ เช่น ประวัติบริษัท ผลิตภัณฑ์ ภาพลักษณ์องค์กร กลุ่มลูกค้า หากมีสิ่งที่เรารู้สึกประทับใจเกี่ยวกับบริษัทนั้นๆ ก็สามารถแสดงความชื่นชมได้อย่างเหมาะสม เพื่อแสดงให้บริษัทที่เราไปสัมภาษณ์เห็นว่าคุณมีความพร้อม และต้องการที่จะเป็นส่วนหนึ่งของบริษัทนั้นอย่างแท้จริง
สำหรับข้อแนะนำเพิ่มเติมในฐานะ Consultant ของบริษัทจัดหางาน Pasona คือเรื่องของการรักษามารยาทในการสมัครงาน ควรมีความสำรวม ให้เกียรติผู้สัมภาษณ์ สบตาอย่างจริงใจ ไม่หลบสายตา แต่ไม่จ้องตาจนเกินงาม เป็นมิตร ยิ้มแย้มแจ่มใส กระตือรือร้น เป็นผู้พูด และผู้ฟังที่ดี มีความมั่นใจในตัวเอง แต่ก็ยังคงความนอบน้อม หรือสรุปง่ายๆก็คือ เราควรเป็นตัวของตัวเองในแบบที่ดีที่สุดค่ะ
นอกจากนี้ หลังจากที่คุณได้เตรียมตัวในการสัมภาษณ์งานมาอย่างดีแล้ว แต่ดันมาเจอคำถามที่ไม่คาดคิดว่าจะถูกผู้สัมภาษณ์ถาม ก็เป็นสิ่งที่สามารถเกิดขึ้นได้เช่นกัน งั้นลองมาเตรียมพร้อมสำหรับคำถามแปลกๆกันบ้าง เพื่อเตรียมความพร้อมให้เรารู้สึกมั่นใจยิ่งขึ้นด้วยค่ะ
ขอยกตัวอย่างคำถามแปลกๆ จากเว็บไซต์ JobThai.com/REACH ดังต่อไปนี้ค่ะ
ทำไมฝาท่อระบายน้ำต้องเป็นรูปวงกลม ?
ทั้งคำถาม “ทำไมฝาท่อระบายน้ำต้องเป็นวงกลม” และคำถามว่า “คุณจะเคลื่อนย้ายภูเขาไฟฟูจิได้อย่างไร” ต่างก็เคยปรากฏในเนื้อหาของหนังสือที่มีชื่อว่า “How Would You Move Mount Fuji? Microsoft’s Cult of the Puzzle: How the World’s Smartest Company Selects the Most Creative Thinkers” ซึ่งแค่ชื่อหนังสือก็พอจะบอกได้ว่าองค์กรไอทีระดับโลกอย่าง Microsoft นั้นมีกระบวนการสัมภาษณ์งานที่โหดหินเพียงใด เพราะพวกเขามักจะสอดแทรกคำถามเชิงตรรกศาสตร์และคำถามเพื่อให้เกิดการแก้ไขปัญหาลงไปในรายการคำถามสำหรับคัดเลือกผู้สมัครงานด้วย
เมื่อเจอคำถามแบบนี้ คุณต้องอธิบายเหตุผลให้ได้ว่าทำไมถึงคุณถึงตอบแบบนั้น เช่น การตอบคำถาม ว่า “ทำไมฝาท่อระบายน้ำต้องเป็นรูปวงกลม” อาจจะอธิบายว่าฝาที่เป็นวงกลมจะทำให้กรอบของท่อนั้นแข็งแรงเพราะมีการกระจายน้ำหนักเท่ากันโดยรอบ ซึ่งต่างจากฝารูปร่างอื่น ๆ เช่น รูปสี่เหลี่ยม หรือฝาท่อแบบวงกลมไม่มีทางที่จะหล่นลงไปในท่อได้ ซึ่งฝาท่อรูปทรงสี่เหลี่ยมมีโอกาสจะตกลงไปได้หากถ้าฝาท่อสี่เหลี่ยมถูกพลิกด้านข้าง หรือคำตอบอะไรก็ได้ที่แสดงว่าคุณคิดอย่างเป็นเหตุเป็นผล เชื่อมโยงและสนับสนุนกับคำตอบของคุณ
ถ้าคุณเป็นก้อนอิฐในกำแพง คุณอยากจะเป็นก้อนอิฐก้อนไหน และทำไม?
คำถามที่ว่า “ถ้าคุณเป็นก้อนอิฐในกำแพง คุณอยากจะเป็นก้อนอิฐก้อนไหนและทำไม” หรือคำถามว่า “หากคุณเลือกเป็นสัตว์ได้หนึ่งชนิด คุณอยากเป็นอะไรและทำไม” คำถามเหล่านี้มีไว้เพื่อให้คุณได้แสดงบุคลิกภาพของคุณ คำตอบของคุณจะบ่งบอกนิสัยและคุณสมบัติบางอย่าง
เมื่อคุณเจอคำถามประเภทนี้คุณต้องคิดให้รวดเร็วและรอบคอบ จากนั้นจึงตอบคำถามโดยอาศัยสิ่งที่คุณมีอยู่หรือสิ่งที่คุณได้ทำการบ้านล่วงหน้ามาก่อน เช่น ถ้าคุณเตรียมตัวตอบคำถามประเภทข้อดี–ข้อเสียของตัวคุณ คุณสามารถนำการตอบแบบนั้นมาผสมผสานกับการตอบคำถามประเภทนี้ได้ ถ้าจะตอบคำถามว่า “อยากเป็นอิฐก้อนไหน” คุณอาจจะตอบว่า “ฉันอยากจะเป็นอิฐก้อนแรกที่อยู่ที่ฐานล่างสุดของกำแพง เพราะฉันเป็นคนที่หนักแน่น คนอื่นไว้วางใจได้ ถ้าใครได้ทำงานด้วยก็มั่นใจได้เลยว่าฉันจะไม่ทำให้ผิดหวัง ฉันจะคอยเป็นฐานที่แข็งแกร่งคอยสนับสนุนคนอื่น ๆ ในทีมเอง”
อย่าลืมว่าท้ายที่สุดแล้วไม่ว่าคำถามจะแปลกแค่ไหน คิด พิจารณาทุกอย่างให้ดีก่อนตอบคำถามนั้นออกไป เพราะทุกคำถามก็เป็นไปเพื่อการทดสอบความเหมาะสมของคุณกับตำแหน่งงานนั้น ๆ อยู่ดี
นอกจากนี้ทาง Pasona ยังมีคำถามสัมภาษณ์งานโดยรวบรวมจาก Consultant ชาวญี่ปุ่นมาฝากให้กับผู้สมัครงานที่สนใจสมัครงานกับบริษัทญี่ปุ่นอีกด้วยค่ะ หากคุณกำลังสนใจ หรือกำลังได้สัมภาษณ์กับบริษัทญี่ปุ่น เราขอแนะนำให้ลองฝึกตอบคำถามดังต่อไปนี้ค่ะ
- แนะนำตัวเองอะไรก็ได้ ภายในหนึ่ง หรือ สองนาที
- ทำไมถึงอยากร่วมงานกับเรา
- คุณรู้อะไรเกี่ยวกับบริษัทเราบ้าง
- จงบอกข้อดี ข้อเสียของคุณ
เทคนิค คือ ควรตอบข้อเสียที่มาพร้อมกับแผนการว่าจะพัฒนา หรือแก้ไขข้อเสียได้อย่างไร
- กิจกรรมที่เข้าร่วมในขณะเรียนมหาลัย หรือประสบการณ์การทำงานที่ผ่านมา เช่น จิตอาสา กีฬา หรือทำPart Time เพื่อดูประสบการณ์ที่เกี่ยวข้องกับตำแหน่งงานที่สมัคร ว่าผู้สมัครมีความเหมาะสมกับตำแหน่งงานนั้นๆหรือไม่
- เนื้อหาข่าวที่ผู้สมัครสนใจ เช่น ข่าวการเมือง เศรษฐกิจ สำหรับตำแหน่งงานทั่วไป ว่าเป็นคนสนใจเหตุการณ์ รอบรู้หรือไม่ ผู้สมัครควรมีความรู้เกี่ยวกับข่าวการเมือง เศรษฐกิจ สังคม อย่างใดอย่างหนึ่ง
- ระยะเวลาในการทำงาน เทคนิคการตอบคือ ควรมีความตั้งใจที่จะทำงานกับทางบริษัทมากกว่าห้าปี
- ในการสัมภาษณ์ครั้งสุดท้าย บริษัทอาจจะถามว่า บริษัทของเราเป็นที่ที่คุณให้ความสำคัญ หรืออยากร่วมงานเป็นอันดับแรกหรือไม่ ผู้สมัครไม่ควรตอบไปว่าสัมภาษณ์หลายที่ ควรมีความมุ่งมั่นที่จะร่วมงานกับทางบริษัทจริงๆ
- มีคำถามอะไรอยากจะถามเรารึเปล่า เป็นคำถามเพื่อวัดว่าสนใจบริษัทเรา หรืองานนั้นจริงๆหรือไม่
จะเห็นได้ว่าคำถามที่สัมภาษณ์ในไทย กับญี่ปุ่นจะค่อนข้างคล้ายกัน มีจุดแตกต่างเพียงกันเล็กน้อย คือ เรื่องของความสนใจเกี่ยวกับข่าวสารบ้านเมือง เพื่อดูว่าเป็นคนสนใจสิ่งรอบตัว หรือพอมีความรู้รอบตัวบ้างหรือไม่ และเรื่องของระยะเวลาการทำงานที่ทางญี่ปุ่นจะให้ความสำคัญกับความจงรักภักดีในองค์กร โดยคาดหวังให้พนักงานทำงานกับบริษัทไปนานๆ
แต่จะให้ฝึกตอบคำถามทั่วไปแบบนี้ ก็อาจจะธรรมดาไปหน่อย ทาง Pasona จึงได้นำแนวคำถามแปลกๆในการสัมภาษณ์งานจากทางญี่ปุ่นบางส่วนมาให้ผู้สมัครงานฝึกตอบคำถามกันด้วยค่ะ
- ให้พรีเซ็นท์ หรือหาวิธีเพื่อเปลี่ยนทัศนคติของผู้สัมภาษณ์ เช่น เป็นคนไม่ชอบเขียนจดหมาย ทำอย่างไรให้ชอบเขียนจดหมาย หรือ ไม่ชอบดูหนัง จะนำเสนอยังไงให้ชอบดูหนัง
- มีรูปมาให้ เป็นวัสดุหนึ่งชิ้น แล้วถามว่า สิ่งนี้สามารถทำอะไรได้บ้าง ให้บอกมา 10 ข้อ (คำถามในการสมัครบริษัทให้คำปรึกษา เป็นแบบ brainstorm เพื่อดูทักษะความคิดสร้างสรรค์ และการคิดเชิงตรรกะ
- ให้ผู้สมัครงานเป็นผู้สัมภาษณ์คนของบริษัท หลังจากเป็นผู้ถูกสัมภาษณ์ ให้สลับบทบาทกัน เพื่อดูว่าผู้สมัครงานเตรียมความพร้อมมามากแค่ไหน
และอีกหนึ่งคำถามที่น่าสนใจในด้านกระบวนการคิดคำนวณ จากบริษัท Consulting ที่จะขอยกตัวอย่างมาจากเว็บไซต์ JobThai.com/REACH ค่ะ
- ในประเทศญี่ปุ่นมีร้านทำผมสตรีกี่ร้าน
คนสัมภาษณ์ต้องการเปิดโอกาสให้คุณได้แสดงทักษะและกระบวนการคิดของคุณ เมื่อคุณถูกถามแบบนี้ คุณต้องเรียบเรียงความคิดของคุณออกมาเป็นคำพูดให้ดี คุณอาจจะเริ่มด้วยการวิเคราะห์ เช่น เราต้องรู้จำนวนประชากรของประเทศญี่ปุ่นก่อน และเราต้องค้นหาว่าคนญี่ปุ่นทำผมคิดเป็นกี่เปอร์เซ็นต์ของคนทั้งประเทศและพวกเขาทำผมบ่อยแค่ไหน
ซึ่งบ่อยครั้งที่ผู้สมัครมักจะตอบคำถามที่เหนือความคาดหมายไม่ได้ เนื่องจากไม่ได้เตรียมความพร้อมสำหรับคำถามเหล่านี้มา เราจึงควรฝึกตอบคำถามที่มีความแปลก และไม่คาดคิดว่าจะถูกถามไว้ด้วย โดยเริ่มฝึกจากคำถามที่ทาง Pasona ได้ยกตัวอย่างมา และจากเว็บไซต์ต่างๆเพิ่มเติมได้ค่ะ เพื่อที่ว่าเราจะได้มีสกิลในการตอบคำถามเพิ่มขึ้น และไม่ตื่นตระหนกจนเกินไป
เมื่อเรารู้แนวทางการสัมภาษณ์งานแล้ว ก็อย่าชะล่าใจเชียวค่ะ รีบมาฝึกตอบคำถามเพื่อเตรียมความพร้อมในการสัมภาษณ์งานกันดีกว่า เพราะถ้าเราหมั่นฝึกฝนตัวเองจนมีความพร้อมแล้ว รบร้อยครั้งก็ชนะร้อยครั้ง เช่นเดียวกันกับการสมัครงานค่ะ ถ้าเราหมั่นฝึกตอบคำถามควบคู่ไปกับการฝึกฝนทักษะต่างๆอย่างสม่ำเสมอ สมัครงานกี่ครั้งก็ผ่านทุกครั้งแน่นอนค่ะ ทาง Pasona ขอเป็นกำลังใจให้ผู้ที่กำลังจะได้สัมภาษณ์งานได้งานที่ตรงกับใจต้องการกันนะคะ
บทความที่เกี่ยวข้อง
“ความโปร่งใสของเงินเดือน”ปัจจัยที่มีผลต่อแรงบันดาลใจในการทำงาน
“การจ่ายค่าตอบแทนที่เท่าเทียมกับงานที่ให้”—เงื่อนไขง่ายๆที่รู้กันอยู่แล้วในโลกของการทำงาน
“คุณคิดว่าในอีก 10 ปีคุณจะเป็นอย่างไร”อีกหนึ่งคำถามที่มักถูกถามในการสัมภาษณ์งาน
ในการเตรียมตัวสัมภาษณ์งาน สิ่งสำคัญก็คือการเตรียมคำตอบสำหรับคำถามที่มักถูกถามในห้องสัมภาษณ์ คำถามหนึ่งที่เห็นได้บ่อยครั้งก็คือ “คุณคิดว่าในอีก 10 ปีคุณจะเป็นอย่างไร”
ตอบอย่างไรให้ดูดี กับคำถามสัมภาษณ์”เงินเดือนที่คุณคาดหวัง”
เพื่อหางานที่มีลักษณะและเงินเดือนที่เหมาะสมกับความต้องการ การต่อรองเงินเดือนมักไม่ได้เกิดขึ้นในขั้นตอนที่บริษัทตัดสินใจจ้างงาน มักเกิดขึ้นในหลายๆขั้นตอนก่อนหน้านั้น
สอบถามเพิ่มเติม
เกี่ยวกับบริการของเรา