สองความต่างระหว่างวิธีประเมินผลพนักงานแบบ KPI กับ OKR

2024.12.16

สองความต่าง KPI กับ OKR วิธีประเมินผลพนักงานแบบไหนที่เหมาะกับองค์กรคุณ

ถึงช่วงปลายปีทีไร นั่นก็หมายความว่าใกล้จะถึงช่วงประเมินผลการทำงานประจำปีของหลายๆบริษัทเข้ามาทุกทีๆ  ฝ่ายบริหารทรัพยากรบุคคลหลายๆแห่งก็คงกำลังเตรียมตัว เตรียมระบบ เตรียมเอกสารเพื่อประเมินและวัดผลการทำงานของพนักงานกันอย่างขะมักเขม้น 

การวัดผลในองค์กรต่างๆนั้นส่วนใหญ่ก็จะใช้หลักการอยู่สองแบบ ซึ่งก็คือKPI  และ OKR ที่ ซึ่งหลายๆท่านอาจจะยังไม่เข้าใจถึงความแตกต่างระหว่างKPIและOKRว่ามีความแตกต่างกันอย่างไร เพื่อให้สามารถนำไปใช้งานได้อย่างถูกต้องเหมาะสม 

สำหรับเกณฑ์ทั้งสองแบบที่นำมาใช้วัดผลและประเมินผลนั้นเป้าหมายสำคัญที่สุดในการนำมาใช้ก็คือเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานของพนักงาน ทั้งเป็นรายบุคคล รายทีม หรือองค์กรโดยรวม และประเมินผลลัพธ์เพื่อกำหนดทิศทางในการดำเนินงานขององค์กรได้ 

ซึ่งแต่ละตัวก็มีรายละเอียดปลีกย่อยที่แตกต่างกันพอสมควร โดยเฉพาะในขั้นตอนของการกำหนดวิธีการหรือขั้นตอนในการวัดผล ที่มีความแตกต่างกันอย่างชัดเจน แต่ทั้งสองเกณฑ์นั้นถือเป็นสิ่งที่จะช่วยให้องค์กรมีประสิทธิภาพ จึงจำเป็นต้องรู้ถึงสิ่งที่แตกต่างระหว่างสองเกณฑ์นี้ เพื่อนำไปปรับใช้ในองค์กรได้อย่างถูกต้อง 

 

KPI : Key Performance Indicator  

KPI คือการประเมินผลที่มีเกณฑ์การวัดผลที่ชัดเจน มีการทำงานเป็นลำดับขั้นตอนและละเอียด ประสิทธิภาพของพนักงานมีผลกับการประเมินในอนาคต และพนักงานจะพยายามทำให้ถึงเป้าหมายเพื่อให้ได้รับผลตอบแทนตามที่ได้พูดคุยกับผู้ใหญ่ไว้ ไม่ว่าจะเป็นการขึ้นเงินเดือน หรือการเลื่อนขั้น โดยได้รับความนิยมในองค์กรทั่วไป ทุกขั้นตอนในการทำงาน พนักงานมักจะอ้างอิงกับ KPI ที่กำหนดเพื่อให้สามารถทำงานตามวิธีการรวมถึงวัดผลการทำงานของพนักงานได้อย่างชัดเจน 

เป้าหมายและขั้นตอน : โดยหลักๆแล้ว KPI จะเป็นการกำหนดเป้าหมายในการทำงานโดยจะใช้กับการทำงานที่เป็นแบบ Routine (งานที่ต้องทำเป็นประจำ ไม่เปลี่ยนแปลง) ดังนั้น KPI ที่ถูกกำหนดนี้ก็จะมีความตายตัวสูง ไม่เปลี่ยนแปลงได้ง่าย และมีข้อกำหนดรวมทั้งเงื่อนไขต่างๆจำนวนมากกว่าเมื่อเทียบกับการประเมินผลแบบ OKR 

ผู้รับผิดชอบในการวางแผนการประเมิน : KPI มักจะถูกกำหนดขึ้นโดยระดับหัวหน้าหรือผู้บริหารระดับสูงเป็นส่วนมาก โดยผู้บริหารจะทำการตรวจสอบผลการปฏิบัติงานและประเมินว่าควรกำหนด KPI ของแต่ละคน แต่ละทีมในระดับไหน 

ระยะเวลาและความถี่ในการประเมินผล : KPI จะมีการประเมินไม่กี่ครั้งต่อปี บางองค์กรจะมีการประเมินเพียง 1 ครั้งต่อปีเท่านั้น และจะไม่มีการเปลี่ยนแปลงเนื้อหาจากเดิมมากนัก 

การวัดความสำเร็จของการทำงาน : เมื่อ KPI ถูกเซ็ทขึ้นมาแล้ว ความสำเร็จของงานจะวัดที่ระดับ 100% ของงานที่เสร็จออกมาเสมอ เนื่องจากว่า KPI มีการวัดผลโดยอ้างอิงจากข้อมูลในอดีตที่เกิดขึ้นจริง และเป้าหมายก็เป็นสิ่งที่คาดหวังให้พนักงานทำให้บรรลุได้ 

 

OKR : Objectives and Key Results 

OKR คือการประเมินผลโดยคำนึงถึงเป้าหมายเป็นหลักแต่ให้ความเป็นอิสระค่อนข้างสูง ไม่จำเป็นต้องทำตามวิธีการที่กำหนดไว้แบบตายตัว ทุกขั้นตอน ซึ่งส่งผลให้การดำเนินงานเป็นไปได้อย่างรวดเร็วและยืดหยุ่นเป็นอย่างมาก และไม่ว่าจะทำได้หรือไมได้ก็ตาม ไม่มีผลต่อการประเมินผลงาน เป็นวิธีที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานและความคิดสร้างสรรค์ของพนักงานในระดับสูง ซึ่งในปัจจุบันบริษัทเล็กๆ SME รวมทั้งสตาร์ทอัพ นิยมใช้ OKR ในการกำหนดเป้าหมายงานขององค์กร 

แต่การใช้งาน OKR นั้นก็มีปัญหาพอสมควรตรงที่ หากเกิดข้อผิดพลาดขึ้นมา จะตรวจสอบได้ยากว่าปัญหานั้นเกิดขึ้นในขั้นตอนไหน เป็นวิธีที่เหมาะสำหรับการใช้งานในองค์กรขนาดเล็ก หรือเป้าหมายที่ไม่ใหญ่จนเกินไป 

เป้าหมายและขั้นตอน : OKR จะเป็นการกำหนดเป้าหมายของการทำงานที่เป็นการทำงานหลักที่มีความสำคัญและต้องการความยืดหยุ่นในการปฏิบัติงานค่อนข้างสูง เพื่อให้สามารถปรับเปลี่ยนการทำงานให้เหมาะสมได้ตลอดเวลาตามผลที่ได้รับของแต่ละงาน 

ผู้รับผิดชอบในการวางแผนการประเมิน : ผู้ถูกประเมินอันหมายถึงทีมงานทุกคนจะมีส่วนร่วมในการวางแผนกลยุทธ์เพื่อไปให้ถึงเป้าหมาย และใช้ในการประเมิน ตั้งแต่ระดับบริหาร ลงไปถึงพนักงานปฏิบัติการ 

ระยะเวลาและความถี่ในการประเมินผล : เนื่องจากงานที่จะถูกวัดโดย OKR มักมีความยืดหยุ่นและมีความเปลี่ยนแปลงสูงหลังจากที่มีการดำเนินงานไป จึงควรมีการติดตามผลของงานที่สม่ำเสมออย่างน้อย 3 เดือนต่อ 1 ครั้งเพื่อให้สามารถปรับเปลี่ยนกรรมวิธีการทำงานได้อย่างทันท่วงที 

การวัดความสำเร็จของการทำงาน : เมื่อผลของงานออกมาเป็นที่เรียบร้อยและนำมาเทียบกับการตั้งเป้าหมายแบบ OKR  มักจะมีการวัดความสำเร็จอยู่ที่ไม่ถึง 100% ของที่ตั้งไว้ เพราะการตั้งเป้าหมายแบบ OKR เป็นการตั้งให้สูงกว่าที่คิดเพื่อให้เกิดความท้าทาย และกระตุ้นแรงจูงใจในการทำงานให้อยู่ในระดับสูงสุด ไม่ย่อหย่อน และ ไม่น่าเบื่อ 

สำหรับความเหมาะสมว่าจะใช้วิธีประเมินแบบไหนนั้น ขึ้นอยู่กับสภาพแวดล้อมของงาน และขนาดของแต่ละองค์กรเป็นหลัก บริษัทใหญ่ที่มีพนักงานคุ้นชินกับวิธีการทำงานแบบเดิม หรือมีการวัดผลการทำงานของพนักงานที่ชัดเจน ไม่ต้องการเปลี่ยนแปลงมากนัก ก็มักจะเลือกใช้การวัดผลด้วย KPI

ถ้าเป็นองค์กรยุคใหม่ ที่ไม่ได้มีวิธีการทำงานที่ตายตัว รวมทั้งเป็นองค์กรขนาดเล็กที่มีจำนวนคนไม่เยอะ ก็มักจะใช้ OKR ในการตั้งเป้าหมายเพื่อวัดผลและประสิทธิภาพของพนักงาน 

ท้ายที่สุด ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องในการเลือกวิธีประเมินผลการทำงาน ควรมีการนำข้อมูลของการทำงานเดินในอดีตรวมทั้งข้อมูลรอบด้าน มาประยุกต์ใช้ในการตั้งเกณฑ์วัดผลพนักงาน พิจารณาเนื้อหาและตัวงานแต่ละงาน ของแต่ละคน และ ของแต่ละทีม และนำจุดเด่นของแต่ละวิธีมาปรับใช้ และสร้างเกณฑ์ในการวัดผลที่มีความเหมาะสม ก็จะสามารถวัดผลได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุดได้อย่างแน่นอน 

……………………………………………………… 

หากทีมงานหรือองค์กรของท่าน ต้องการความช่วยเหลือเกี่ยวกับการทำประเมินผลให้กับพนักงาน ไม่ว่าจะเป็น KPI, OKR, MBO หรือ 360 Degree Evaluation ก็สามารถติดต่อเพื่อขอคำปรึกษากับทางผู้เชี่ยวชาญของ PASONA ได้เลยเช่นกันครับ PASONA เราพร้อมที่จะให้บริการและสนับสนุนการทำงานของท่านเพื่อทำให้การทำงานในองค์กรเกิดประสิทธิภาพสูงสุด 

……………………………………………………… 

FREE Registration : สามารถลงทะเบียนข้อมูลเบื้องต้นเพื่อหางานและฝากใบสมัครโดยไม่มีค่าใช้จ่ายได้ที่ 

>>> https://pasona.co.th/registration-form/ <<< 

……………………………………………………… 

หางานที่ใช่ ได้งานที่ชอบ ต่อยอดความฝัน ไปให้ถึงเป้าหมาย กับ PASONA 

Contact: Career Consultant 

Phone: 02-108-1250 

Email: info@pasona.co.th 

#หางาน #สมัครงาน #หางานกทม. #หางานทำ #หางานบริษัทญี่ปุ่น #ฝากประวัติ #ค้นหางาน #PASONA #KPI #OKR