10 เรื่องที่ควรพิจารณาให้ดีก่อนเลือกเข้าทำงานในบริษัทญี่ปุ่น

10 เรื่องควรพิจารณาก่อนสมัครบริษัทญี่ปุ่น
2024.08.09

ในบทความนี้ จะเน้นไปที่ปัจจัยต่างๆในการสมัครเข้าทำงานในบริษัทญี่ปุ่นโดยเฉพาะในประเทศญี่ปุ่น ซึ่งแต่ละปัจจัยจะช่วยให้สามารถประเมินบริษัทต่างๆได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น เพราะสำหรับการทำงานกับบริษัทญี่ปุ่นนั้นการเปลี่ยนงานบ่อยๆเป็นเรื่องที่ไม่สมควรทำเป็นอย่างยิ่ง ดังนั้นการเลือกสมัครงานจึงเป็นขั้นตอนที่สำคัญเป็นอย่างมากที่ต้องใช้เวลาและข้อมูลประกอบ

เราขอแนะนำ 10 ปัจจัยสำคัญที่ควรพิจารณาก่อนจะยื่นใบสมัครเข้าทำงานในบริษัทญี่ปุ่น

  1. เงินเดือน

เงินเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้เลยในการดำรงชีพปัจจุบัน ดังนั้นคุณควรตรวจสอบให้แน่ชัดว่าจะได้รับเงินเท่าไหร่หากรับทำงานแต่ละงาน ตัวอย่างค่าเฉลี่ยรายได้ต่อปีที่แต่ละอาชีพจะได้รับ (งานในญี่ปุ่น)

พนักงานต้อนรับในโรงแรม: 3,000,000 เยน

ครูสอนภาษาอังกฤษ (เต็มเวลาในโรงเรียนสอนภาษา):  3,500,000 เยน

ครูสอนภาษาอังกฤษ (นอกเวลาในโรงเรียนประจำ):  2,500 – 3,000 เยนต่อบท

ล่ามและแปลภาษา: 3,000,000 – 8,000,000 เยน

วิศวกร: 4,000,000 – 7,000,000 เยน

พยาบาลและผู้ดูแล: 3,000,000 เยน

พนักงานก่อสร้าง: 3,000,000 เยน

*ทั้งนี้ทั้งนั้นจะขึ้นอยู่กับประสบการณ์ในแต่ละสายงาน อุตสาหกรรม และ ขนาดของบริษัท

โดยเฉลี่ยแล้วคนที่จบในระดับปริญญาตรีจะมีเงินเดือนเริ่มต้นที่ประมาณ 200,000 เยน ไม่ว่าจะเป็นชาวญี่ปุ่นเองหรือเป็นชาวต่างชาติ และที่สำคัญก็คือ ตรวจดูว่าตำแหน่งนั้นๆเป็นแบบงานประจำหรือแบบพาร์ทไทม์ เพราะบริษัทจะดำเนินการหักค่าประกันสังคมและภาษีที่เป็นหน้าที่ของคนที่ทำงานประจำออกไปทุกๆเดือน หรือพูดง่ายๆก็คือจะได้รับเงินเดือน 80% จากจำนวนเงินที่ตกลงกันไว้

 

  1. สวัสดิการต่างๆ

สวัสดิการนี้หมายรวมถึงทุกๆบริการและการอำนวยความสะดวกจากบริษัททุกๆด้านนอกเหนือจากเงินเดือนและโบนัส ตามกฎหมายแล้วบริษัทจะต้องมีสวัสดิการอย่าง ประกันการจ้างงาน, ประกันสุขภาพ, ประกันการรักษา, การตอบแทนการทำงานเกินเวลา, เงินบำนาญ และอื่นๆ บริษัทสามารถให้สวัสดิการเพิ่มเติมอื่นๆได้ตามความเหมาะสม อาทิ เงินช่วยเหลือค่าเช่าบ้าน, เงินช่วยเหลือการเดินทาง, เงินช่วยเหลือครอบครัว, ช่วยเหลือค่าออกกำลังกาย, ค่าเดินทางไปต่างจังหวัด และ ค่าใช้จ่ายต่างๆตามแผนที่ทางบริษัทวางไว้ (ที่นิยมกันมากที่สุดจะเป็น เงินช่วยเหลือค่าเช่าบ้าน และ ค่าเดินทาง)

สวัสดิการนอกเหนือจากตามที่กฎหมายกำหนดไว้นั้น จะมีความแตกต่างกันตามบริษัท ยกตัวอย่างเช่น บริษัทผลิตภัณฑ์ความงาม ก็จะมอบสินค้าของบริษัทให้ หรือ บริษัทเกม มอบเป็นส่วนลดในการซื้อสินค้าในบริษัท หรือในบางบริษัทก็จะมีการมอบบัตรเงินสดเป็นของขวัญให้กับพนักงานเมื่อแต่งงานหรือคลอดบุตร

 

  1. ขนาดของบริษัท

นิยามขนาดของบริษัทว่าเป็นขนาดใหญ่ หรือ ขนาด SME จะขึ้นอยู่กับ ประเภทของอุตสาหกรรม แต่หากพูดถึงตามความคิดของคนทั่วๆไป องค์กรที่มีจำนวนพนักงานมากกว่า 100 คนขึ้นไป นับเป็นบริษัทขนาดใหญ่ ซึ่งในท้ายสุดเราไม่สามารถบอกได้ว่าบริษัทไหนดีกว่ากัน เราจึงต้องชั่งน้ำหนักถึงข้อดีข้อเสียของบริษัทแต่ละประเภท และเลือกประเภทที่เหมาะกับตัวของคุณ

ข้อดีของบริษัทใหญ่ๆก็คือ พนักงานจะได้รับการดูแลด้านสุขภาพและการอำนวยความสะดวกที่ดี ตามชื่อเสียงของบริษัท ความเชื่อใจที่ลูกค้ามีให้ โอกาสในการเติบโต ความสม่ำเสมอของการขึ้นเงินเดือน และอีกเหตุผลสำคัญก็คือ บริษัทใหญ่ๆจะมีเงินทุนจำนวนมากที่จะถูกนำมาใช้ดูแลพนักงานได้ดีกว่า

ข้อเสียของบริษัทใหญ่ๆก็คือ เนื่องจากมีพนักงานเป็นจำนวนมาก ความสัมพันธ์ภายในองค์กร วัฒนธรรมองค์กร และระบบในการดูแลพนักงานเป็นรายบุคคลจะไม่ค่อยน่าพอใจซักเท่าไหร่ วัฒนธรรมองค์กรที่ถูกสั่งสมมานาน จะทำให้ไม่เปิดรับต่อความคิดเห็นสมัยใหม่ จนทำให้ไม่สามารถปรับตัวได้ดีเท่าที่ควร นอกจากนั้นสำหรับบริษัทใหญ่ๆในญี่ปุ่นที่มีสาขาทั่วประเทศ การถูกโยกย้ายไปประจำอยู่ในต่างจังหวัดจึงมีโอกาสสูง

ข้อดีของบริษัทขนาดกลางและขนาดเล็กก็คือ ทุกคนแทบจะเรียกได้ว่ารู้จักกันหมด ทำให้ความสัมพันธ์ในองค์กรเป็นไปอย่างแน่นแฟ้น รวมทั้งการได้มีโอกาสพูดคุยกับระดับบริหารง่ายกว่าบริษัทใหญ่ๆ จะทำให้คุณสามารถอธิบายและนำเสนอไอเดียใหม่ๆได้ดี ซึ่งทำให้มีโอกาสได้เลื่อนขั้น และหากไอเดียของคุณทำให้บริษัทได้รับผลประกอบการที่ดีขึ้นได้ คุณก็อาจจะได้รับโบนัสและโอกาสในด้านการงานมากกว่าใครก็เป็นได้

ข้อเสียของบริษัทขนาดเล็กและกลางก็คือ เงินเดือนจะน้อยกว่าบริษัทใหญ่ๆ รวมทั้งโบนัสและการขึ้นเงินเดือน รวมทั้งความมั่นคง การเติบโตที่น้อยกว่า แต่อย่างไรก็ตามก็ขึ้นอยู่กับอุตสาหกรรมและธุรกิจของบริษัทอีกด้วย

 

  1. สัญชาติของบริษัท (ญี่ปุ่นแท้ หรือ มีต่างชาติร่วมด้วย)

เมื่อถึงเวลาหางานหรือคิดจะเปลี่ยนงาน คนญี่ปุ่นมักจะพิจารณาว่าบริษัทนั้นๆเป็นบริษัทของต่างชาติหรือบริษัทญี่ปุ่น โดยสองประเภทบริษัทก็จะมีความแตกต่างกันในหลายๆด้านซึ่งมีความเหมาะสมกับพนักงานที่มีสไตล์การทำงานและทัศนคติที่ไม่เหมือนกัน

บริษัทญี่ปุ่นจะมีมุมมองในการพัฒนาบุคลากรจากเริ่มต้นไปจนถึงระดับมืออาชีพ ซึ่งแตกต่างจากบริษัทต่างชาติที่ต้องการบุคลากรที่มีความชำนาญและทักษะในการทำงานพร้อมใช้ได้ทันที

ข้อดีของการทำงานในบริษัทต่างชาติก็คือเงินเดือน บริษัทญี่ปุ่นจะมีการจ่ายเงินเดือนตามความอาวุโส มากกว่าจ่ายตามทักษะและผลงาน ตรงกันข้ามกับบริษัทต่างชาติ จะให้ความสำคัญกับผลการทำงานและทักษะของพนักงานเป็นหลัก ยิ่งทักษะมาก ผลงานดี เงินเดือนและโบนัสก็จะมากขึ้นไปด้วย แต่ก็อย่าลืมว่าข้อเสียของบริษัทต่างชาติก็คือ หากธุรกิจเป็นขาลง จะมีโอกาสถูกเลิกจ้างได้มากกว่าบริษัทญี่ปุ่นหลายเท่าตัว

ข้อดีของการทำงานในบริษัทญี่ปุ่น ก็คือ หากได้เข้าไปทำงานในองค์กรแล้ว การถูกไล่ออกหรือถูกเลิกจ้างเป็นเรื่องที่แทบจะเป็นไปไม่ได้เลย เพราะบริษัทญี่ปุ่นจะพยายามดูแลในส่วนนี้เป็นอย่างดี แต่ข้อเสียอย่างใหญ่หลวงก็คือ บริษัทญี่ปุ่นจะมีปาร์ตี้กินดื่ม การทำงานล่วงเวลา และ การทำงานที่หนักจนแทบไม่มีเวลาพัก ไม่มีเวลาเป็นส่วนตัวเลยทีเดียว

 

  1. เนื้อหางาน

บริษัทญี่ปุ่นมักจะมีเนื้อหางานที่คลุมเครือและไม่ชัดเจนในช่วงการจ้างงาน แทนที่จะเลือกคนจากประสบการณ์และทักษะเพื่อบรรจุในตำแหน่งและแผนกที่เหมาะสม แต่บริษัทญี่ปุ่นมักจะให้พนักงานโยกย้ายในองค์กรอยู่บ่อยครั้ง ข้อดีก็คือพนักงานจะมีความสามารถที่หลากหลาย ทำได้หลายอย่าง แต่สำหรับคนที่อยากมีทักษะเชิงลึกและความชำนาญเฉพาะด้าน การทำงานในบริษัทญี่ปุ่นก็อาจจะไม่เหมาะนักซักเท่าไหร่

ในทางกลับกัน บริษัทต่างชาติ จะมีความชัดเจนในการจ้างคนจากประสบการณ์และทักษะที่เหมาะสมกับแต่ละตำแหน่ง เพราะคนที่มีทักษะที่ตรงจุด จะรู้ทันทีว่าควรเริ่มที่ตรงไหน และรู้ว่าจะวางแผนต่อยอดของตัวเองอย่างไร แต่อย่างไรก็ตาม หากได้รับการจ้างแล้ว โอกาสที่จะเปลี่ยนสายงานแทบจะเป็นไปไม่ได้เลย

 

  1. จำนวนชั่วโมงในการทำงาน

เมื่อต้องมาพิจารณาถึงจำนวนชั่วโมงในการทำงาน เราจะต้องให้ความใส่ใจกับเรื่องของการทำงานล่วงเวลา ซึ่งจะมีการระบุความแตกต่างกันระหว่างบริษัทและช่วงเวลาของปี  ซึ่งในหลายๆบริษัทของญี่ปุ่นจะมีการระบุชัดเจนว่าจะต้องมีการทำงานล่วงเวลาอย่างน้อยและอย่างมากกี่ชั่วโมงต่อเดือน เราสามารถทราบได้ว่าจะต้องทำงานล่วงเวลากี่ชั่วโมงต่อเดือนได้ในตอนที่เราสัมภาษณ์งาน

 

  1. การโยกย้ายตำแหน่งงานภายในบริษัท

ในการทำงานกับบริษัทญี่ปุ่น เตรียมตัวไว้ได้เลยที่จะถูกโยกย้ายฝ่ายหรือย้ายที่ทำงาน เพราะบริษัทญี่ปุ่นไม่ได้ยึดการจ้างงานคนจาก “คุณสมบัติของคนที่ตรงกับงาน” เพราะบริษัทญี่ปุ่นเน้นการทำงานที่ครอบคลุมและให้พนักงานสามารถทำงานได้อย่างหลากหลายในคนๆเดียว ซึ่งทำให้พนักงานหนึ่งคนสามารถถูกโยกย้ายไปรับผิดชอบงานในส่วนต่างๆหรือสาขาต่างๆได้อย่างอิสระ ซึ่งอย่างน้อยภายใน 2-3 ปีจะมีการโยกย้าย 1 ครั้ง

 

  1. วิสัยทัศน์ของบริษัทและโอกาสในการเข้าอบรมรวมทั้งการพัฒนาตนเอง

บริษัทของญี่ปุ่นจะมุ่งเน้นไปที่การรวมคนที่พร้อมทำงานให้กับบริษัทให้บรรลุเป้าหมาย  ดังนั้นการพัฒนาบุคลากรจึงเป็นสิ่งสำคัญ วิสัยทัศน์ที่ชัดเจนจึงมีความจำเป็นต่อการทำให้เกิดความเชื่อมั่นในหมู่พนักงาน บริษัทที่ดูแลพนักงานด้วยการจัดงบประมาณไว้ทุกๆปีเพื่อช่วยให้พนักงานได้รับประกาศนียบัตรจากการอบรม ฝึกฝนให้มีทักษะที่มากขึ้น รวมทั้งจัดอบรมด้านธุรกิจในองค์กร จะทำให้พนักงานรักองค์กรและทุ่มเททำงานด้วยความตั้งใจ

 

  1. วัฒนธรรมองค์กร บรรยากาศ และ ความสัมพันธ์ระหว่างบุคลากร

วัฒนธรรมและบรรยากาศในการทำงานที่เป็นมิตรจะทำให้การทำงานเป็นไปอย่างราบรื่นมากขึ้น นั่นคือเหตุผลว่าทำไมบริษัทญี่ปุ่นถึงมักจะงานเลี้ยงหรืองานปาร์ตี้หลักเลิกงาน งานปาร์ตี้ปีใหม่ เป็นต้น

ในบริษัทที่มีบรรยากาศในการทำงานไม่สู้ดีนัก อัตราการลาออกจะมีสูงมาก โดยผู้สมัครงานสามารถดูได้จากความถี่ของการลงเปิดรับสมัครงานของบริษัทนั้นๆ ซึ่งหากเป็นการรับสมัครเพื่อเป็นการขยายบริษัท ก็จะมีการระบุในตัวประกาศ แต่หากไม่มีการระบุ ผู้สมัครก็ควรระมัดระวังไว้ให้มาก

  1. สถานที่ทำงาน

หากคุณต้องเดินทางออกจากบ้านเพื่อไปทำงานในทุกๆวัน สถานที่ทำงานและตำแหน่งของตึกจึงเป็นอีกปัจจัยสำคัญในการตัดสินใจเลือกงาน หากที่ทำงานอยู่ใกล้กับสถานีรถไฟ เดินทางได้ง่าย และทำให้ไม่ต้องกังวลมากนักเมื่อเวลาฝนตก จะเป็นที่สนใจของผู้สมัครงานเป็นอย่างมาก รวมทั้งสิ่งอำนวยความสะดวกและร้านค้ารอบๆที่ทำงานก็เป็นสิ่งสำคัญในการตัดสินใจเลือกสมัครงานอีกด้วย เพราะถ้าหากรอบๆไม่มีร้านค้าเลย นั่นแสดงว่าคุณอาจจะต้องเตรียมข้าวกล่องไปทานเมื่อถึงเวลาพักเที่ยง

หากบริษัทอยู่ในโตเกียวที่ปกติแล้วการเดินทางด้วยรถไฟในเวลาเร่งด่วนมีความหนาแน่นเป็นอย่างมาก หากบริษัทตั้งอยู่ใกล้กับสายของรถไฟที่คนน้อยกว่าสายอื่นๆก็จะทำให้คุณไม่ต้องไปแออัดเบียดเสียดทั้งตอนขาไปและขากลับ

………………………………………………………………………………………………………………

PASONA เราพร้อมที่จะให้บริการและสนับสนุนการหางานของผู้หางาน และ หาพนักงานให้กับบริษัท

PASONA ผู้เชี่ยวชาญในการสรรหาบุคลากร จัดหางาน และฝึกอบรมจากประเทศญี่ปุ่น

Contact: Client Support

Phone: 02-108-1250

Email: info@pasona.co.th

Website: https://pasona.co.th/

#หางาน #สมัครงาน #หางานกทม. #หางานชลบุรี #หางานระยอง #หางานปทุมธานี #หางานสมุทรปราการ #หางานทำ #หางานบริษัทญี่ปุ่น #ฝากประวัติ #ค้นหางาน #PASONA #สัมภาษณ์งาน #เกร็ดความรู้ #บริษัทญี่ปุ่น #เงินเดือนดี #หางานหยุดเสาร์อาทิตย์ #worklifebalance #สวัสดิการ #หางานในญี่ปุ่น #หางานใกล้รถไฟฟ้า