WFH vs WFA ต่างกันอย่างไร? แนวทางเลือกการทำงานยุคใหม่

WFH vs WFA
2025.11.14

ในยุคที่การทำงานไม่ได้จำกัดอยู่แค่ในออฟฟิศอีกต่อไป หลายบริษัทเริ่มเปิดรับรูปแบบการทำงานที่ยืดหยุ่นมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็น WFH (Work From Home) หรือ WFA (Work From Anywhere) ซึ่งช่วยให้พนักงานสามารถจัดสมดุลชีวิตและงานได้ดีขึ้น 

แต่คำถามที่หลายคนยังสงสัยคือ… 
👉 แบบไหนเหมาะกับเรา? 
👉 ทำงานจากบ้านกับทำงานได้ทุกที่ มีผลต่างกันอย่างไร? 
👉 บริษัทมองรูปแบบนี้อย่างไร และผู้หางานควรเตรียมตัวอย่างไรบ้าง? 

บทความนี้จะพาคุณไปทำความเข้าใจ ความหมาย ข้อดี ข้อจำกัด และโอกาสใหม่ ๆ ในโลกการทำงานแบบ Remote พร้อมคำแนะนำสำหรับคนที่กำลังมองหางานในรูปแบบนี้ เพื่อช่วยให้คุณเลือกสไตล์การทำงานที่ตอบโจทย์ชีวิตและเป้าหมายอาชีพของคุณมากที่สุด 💼🌍✨ 

🏠 WFH (Work From Home) คืออะไร?

ความหมายของ WFH
WFH หรือ Work From Home คือรูปแบบการทำงานที่พนักงานสามารถทำงานจากบ้านหรือสถานที่ส่วนตัวได้ โดยยังต้องปฏิบัติงานตามเวลาทำงานปกติ รวมถึงสื่อสาร ประชุมออนไลน์ และส่งงานผ่านระบบของบริษัทเหมือนการทำงานในออฟฟิศ เพียงเปลี่ยนสถานที่มาที่บ้านแทน


✨ ข้อดีของ WFH

✔️ ลดเวลาเดินทาง
ไม่ต้องเสียเวลาและค่าใช้จ่ายในการเดินทาง ทำให้มีเวลามากขึ้นในการพักผ่อนหรือดูแลตัวเอง

✔️ ความยืดหยุ่นในการจัดตารางทำงาน
สามารถจัดสภาพแวดล้อมให้เหมาะกับสไตล์การทำงานของตัวเอง เช่น โต๊ะทำงาน มุมสงบ หรือเปิดเพลงเบา ๆ

✔️ เพิ่มสมดุลชีวิต-งาน (Work-Life Balance)
ช่วยให้ดูแลบ้าน ครอบครัว และสุขภาพได้ง่ายขึ้น เพราะอยู่ในพื้นที่ส่วนตัวตลอดวัน


⚠️ ข้อจำกัดของ WFH

การสื่อสารและประสานงานอาจไม่สะดวก
ต้องอาศัยเครื่องมือออนไลน์ เช่น Chat, Email, หรือ Video Call ซึ่งบางครั้งอาจทำให้การตัดสินใจช้าลง

สภาพแวดล้อมอาจรบกวนสมาธิได้ง่าย
เช่น เสียงรบกวน งานบ้าน หรือคนในครอบครัว ทำให้โฟกัสงานได้ยากในบางช่วงเวลา

ไม่สามารถทำงานจากทุกที่ได้เหมือน WFA
WFH มักจำกัดพื้นที่การทำงานอยู่ที่ “บ้าน” ต่างจาก WFA ที่ทำงานได้จากทุกที่ ไม่ว่าจะคาเฟ่ ห้องสมุด ต่างจังหวัด หรือแม้แต่ต่างประเทศ (ขึ้นอยู่กับนโยบายบริษัท)

🌏 WFA (Work From Anywhere) คืออะไร?

ความหมายของ WFA
WFA หรือ Work From Anywhere คือรูปแบบการทำงานที่ให้พนักงานสามารถทำงานจากที่ใดก็ได้ โดยไม่จำเป็นต้องอยู่บ้านหรือในพื้นที่เฉพาะ เช่น อาจทำงานจากคาเฟ่ โคเวิร์กกิ้งสเปซ รีสอร์ท หรือแม้แต่ในต่างประเทศ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับกฎ นโยบาย และระบบของบริษัทที่รองรับการทำงานระยะไกลในระดับสูง


✨ ข้อดีของ WFA

✔️ อิสระสูงในการเลือกสถานที่ทำงาน
ช่วยให้เปลี่ยนบรรยากาศการทำงานได้ตลอด ลดความจำเจ และเพิ่มแรงบันดาลใจในการทำงาน

✔️ โอกาสทำงานกับบริษัทต่างประเทศ
เปิดทางให้ทำงานแบบ Digital Nomad หรือร่วมงานกับองค์กรระดับโลกโดยไม่ต้องย้ายประเทศ

✔️ ยืดหยุ่นกับชีวิตส่วนตัว
เหมาะกับคนที่ต้องเดินทางบ่อย หรืออยากจัดสมดุลระหว่างงานและไลฟ์สไตล์ เช่น ทำงานไป เที่ยวไป


⚠️ ข้อจำกัดของ WFA

ต้องมีวินัยและบริหารเวลาเอง
เพราะไม่มีโครงสร้างหรือพื้นที่ทำงานที่ตายตัว ผู้ทำงานรูปแบบนี้ต้องจัดสภาพแวดล้อมและตั้งกฎวินัยให้ตัวเอง

อาจเจอปัญหาด้านอินเทอร์เน็ตหรืออุปกรณ์
สถานที่บางแห่งอาจไม่มีความพร้อม เช่น Wi-Fi ไม่เสถียร ปลั๊กไฟไม่พอ หรือเครือข่าย VPN ใช้งานไม่ได้

ไม่เหมาะกับงานที่ต้องเข้าถึงข้อมูลความปลอดภัยสูง
บางงานอาจจำกัดเรื่องมาตรการความปลอดภัย เช่น ข้อมูลลูกค้า ระบบบริษัทภายใน หรือเอกสารที่ต้องจัดการเฉพาะในออฟฟิศ

📊 WFH vs WFA – เปรียบเทียบชัด ๆ 

เปรียบเทียบ WFH vs WFA

เปรียบเทียบ WFH vs WFA

🔐 WFH สามารถทำงานจากทุกที่เหมือน WFA ได้ไหม?

คำตอบคือ โดยทั่วไปควรหลีกเลี่ยง เพราะแม้ว่าจะเป็นการทำงานระยะไกลเหมือนกัน แต่ WFH มักถูกออกแบบให้ทำงานจาก “บ้าน” หรือพื้นที่ส่วนตัวที่ควบคุมได้มากกว่า ในขณะที่ WFA มีความยืดหยุ่นมากกว่าแต่ต้องอยู่ภายใต้นโยบายเฉพาะของบริษัท

เหตุผลที่ WFH ไม่ควรทำงานจากสถานที่อื่น เช่น คาเฟ่ โรงแรม หรือพื้นที่สาธารณะ ได้แก่:

ความลับของบริษัทอาจรั่วไหล เนื่องจากมีความเสี่ยงจากบุคคลภายนอกหรือการแอบดักข้อมูล
ระบบความปลอดภัยทาง IT จำกัดการเข้าถึง หลายระบบอนุญาตให้ใช้งานเฉพาะ Wi-Fi บ้านหรือเครือข่ายที่กำหนด
รูปแบบงานออกแบบให้ทำในพื้นที่ควบคุม เพื่อให้มีมาตรฐานความปลอดภัยของข้อมูลและอุปกรณ์
กระบวนการทำงานอาจไม่ต่อเนื่อง หากเกิดปัญหาสัญญาณ อินเทอร์เน็ต หรือสภาพแวดล้อมไม่เหมาะสม

โดยทั่วไป ตำแหน่งที่สามารถทำงานแบบ WFA ได้มักเป็นงานที่ไม่ต้องเข้าถึงข้อมูลลับหรือเอกสารสำคัญ เช่น
📌 Content Creator
📌 Graphic Designer
📌 Software Developer (บางตำแหน่ง)
📌 Freelance หรือ Remote-based Talent

🎯 สำหรับผู้หางาน ควรเลือก WFH หรือ WFA แบบไหน?

การเลือกว่าจะทำงานแบบ WFH หรือ WFA ขึ้นอยู่กับไลฟ์สไตล์ ความชอบ และประเภทงานที่เหมาะกับคุณ ลองใช้แนวทางเหล่านี้ช่วยตัดสินใจ:

1️⃣ ประเมินสไตล์การทำงานของตัวเอง

2️⃣ พิจารณาประเภทงานและอุตสาหกรรม

 การเลือกให้ตรงกับตัวเองและงานที่สมัคร ไม่เพียงช่วยให้ทำงานได้มีประสิทธิภาพ แต่ยังสร้างสมดุลชีวิต-งานที่ดี และทำให้คุณสนุกกับการทำงานมากขึ้น

💡 เคล็ดลับการสมัครงาน WFH / WFA ให้สำเร็จ

การสมัครงานแบบ Work From Home (WFH) หรือ Work From Anywhere (WFA) มีความแตกต่างจากงานออฟฟิศปกติ เนื่องจากเน้นทักษะด้านการสื่อสารออนไลน์ การจัดการเวลา และการทำงานด้วยตนเองสูง ดังนั้นเพื่อเพิ่มโอกาสในการได้งาน ลองทำตามเคล็ดลับเหล่านี้:

1️⃣ ปรับเรซูเม่ให้เหมาะกับงานระยะไกล

2️⃣ เตรียมตัวสัมภาษณ์ออนไลน์อย่างมืออาชีพ

3️⃣ ระบุทักษะเทคโนโลยีและการสื่อสารออนไลน์

💡 การทำตามเคล็ดลับเหล่านี้ไม่เพียงช่วยให้เรซูเม่และสัมภาษณ์ของคุณโดดเด่น แต่ยังสร้างความมั่นใจว่าคุณพร้อมสำหรับงาน WFH / WFA อย่างมืออาชีพ

Pasona Logo

Pasona Logo

💼 หากคุณกำลังมองหา งาน WFH หรือ WFA ที่เหมาะกับสไตล์การทำงานของคุณ สามารถส่งเรซูเม่ของคุณมาได้เลยที่นี่ 👉
https://pasona.co.th/register/

พร้อมช่วยคุณหางานที่ตรงกับความสามารถและความชอบ 💡✨

………………………………………………………  

หากไม่อยากพลาดคอนเทนต์ดีๆเกี่ยวกับเรื่องงานและงานอัพเดตใหม่ๆก่อนใคร อย่าลืมกดติดตาม  

Facebook Page: https://www.facebook.com/pasona.thailand  

Website: https://pasona.co.th/  

………………………………………………………  

หางานที่ใช่ ได้งานที่ชอบ ต่อยอดความฝัน ไปให้ถึงเป้าหมาย กับ PASONA  

Contact: Career Consultant  

Phone: 02-108-1250  

Email: info@pasona.co.th 

#WFH #WFA #WorkFromHome #WorkFromAnywhere #RemoteWork #FlexibleWork #CareerOpportunity #JobSearch #WorkLifeBalance #PasonaThailand #InfinitePossibilities