LANGUAGE

ภาษา

Job Hugging คืออะไร? พฤติกรรมที่ดูรักงาน.แต่อาจขวางทางโต?

Job Hugging
2025.11.10

หลายคนอาจรู้สึกผูกพันกับงานที่ทำอยู่จนไม่อยากเปลี่ยนงาน ไม่ว่าจะเพราะรู้สึก “สบายใจ” กับสิ่งที่ทำในแต่ละวัน คุ้นเคยกับระบบงานดี รู้หน้าที่ของตัวเองจนแทบไม่ต้องเรียนรู้อะไรใหม่ หรืออาจเพราะมีเพื่อนร่วมงานที่ดี เจ้านายที่เข้าใจ และบรรยากาศการทำงานที่อบอุ่นจนไม่อยากจากไป

บางคนอาจมองว่านี่คือ “ความภักดีต่อองค์กร” ซึ่งก็ไม่ผิด แต่ในอีกมุมหนึ่ง หากเรายึดติดกับงานเดิมมากเกินไปจนไม่กล้าขยับขยาย หรือไม่กล้าเปิดรับโอกาสใหม่ ๆ นั่นอาจกลายเป็นสิ่งที่ขวางทางการเติบโตของเราเองโดยไม่รู้ตัว

เพราะในโลกของการทำงานทุกวันนี้ การเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นตลอดเวลา — เทคโนโลยีใหม่ ๆ เข้ามาแทนที่ กระแสตลาดแรงงานหมุนเร็วกว่าเดิม และความต้องการของนายจ้างก็เปลี่ยนไปเรื่อย ๆ หากเรายังคงยึดติดอยู่กับ “ความคุ้นเคย” เดิม ๆ โดยไม่พัฒนาทักษะเพิ่มเติม ไม่กล้าทดลองสิ่งใหม่ หรือไม่กล้าออกจาก comfort zone เลย สิ่งที่ดูเหมือน “ความมั่นคง” อาจกลายเป็น “กรงขังที่มองไม่เห็น” ก็เป็นได้

ดังนั้น พฤติกรรมที่ดูเหมือนเป็น “ความรักในงาน” หรือ “ความภักดีต่อองค์กร” อาจจริง ๆ แล้วเป็น “Job Hugging” — การกอดงานแน่นเกินไปจนเราลืมมองหาความก้าวหน้าและโอกาสเติบโตในอนาคต ซึ่งอาจทำให้เราหยุดพัฒนาไปโดยไม่รู้ตัว

🤔 Job Hugging คืออะไร?

Job Hugging หมายถึง พฤติกรรมของคนที่ “กอดงานแน่นเกินไป” — หรือพูดให้เข้าใจง่าย ๆ คือ ยึดติดกับงานเดิมจนไม่กล้าเปลี่ยน แม้จะรู้ว่างานนั้นไม่ตอบโจทย์ชีวิตหรือเป้าหมายในอนาคตอีกต่อไปแล้วก็ตาม

หลายคนที่มีพฤติกรรมแบบนี้มักจะรู้สึกว่างานที่ทำอยู่ “ปลอดภัย” หรือ “มั่นคงดีอยู่แล้ว” ไม่อยากเริ่มต้นใหม่ ไม่อยากเสี่ยงกับความไม่แน่นอนในที่ทำงานใหม่ และบางครั้งก็อาจรู้สึกว่าตัวเอง “โชคดี” แล้วที่มีงานทำ จึงเลือกที่จะอยู่ในจุดเดิมไปเรื่อย ๆ โดยไม่รู้ตัวว่าโลกภายนอกกำลังหมุนไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว

ในระยะสั้น พฤติกรรมแบบนี้อาจดูไม่ใช่ปัญหา เพราะเรายังรู้สึกสบายใจกับสิ่งที่คุ้นเคย แต่ในระยะยาว ความสบายใจนั้นอาจกลายเป็น “กรอบ” ที่จำกัดโอกาสของเราเอง — ทำให้ไม่กล้าเรียนรู้สิ่งใหม่ ไม่พัฒนาทักษะเพิ่มเติม และไม่มองหาโอกาสที่ดีกว่าในตลาดแรงงาน

เมื่อเวลาผ่านไป เราอาจพบว่าทักษะที่เคยใช้ได้ดีกลับเริ่มล้าสมัย หรือมูลค่าของเราลดลงในสายตาของนายจ้าง เพราะเราขาดประสบการณ์ใหม่ ๆ ที่ช่วยต่อยอดศักยภาพให้เติบโตมากขึ้น

สรุปง่าย ๆ คือ คนที่ “Job Hugging” มักไม่ได้ตั้งใจหยุดพัฒนา แต่เพราะ “ความคุ้นเคย” และ “ความกลัวที่จะเปลี่ยนแปลง” ทำให้พวกเขาเลือกอยู่ในจุดเดิม โดยไม่รู้เลยว่านั่นอาจกำลังขวางทางโอกาสในอนาคตของตัวเอง

📉 ทำไมคนถึง “กอดงานแน่น” มากขึ้นในยุคนี้

ในยุคที่เศรษฐกิจเต็มไปด้วยความไม่แน่นอน หลายคนเริ่มรู้สึก “กลัวการเปลี่ยนงาน” มากกว่าที่เคย ไม่ว่าจะเป็นเพราะข่าวการเลิกจ้างที่เห็นบ่อยขึ้น ค่าครองชีพที่เพิ่มขึ้น หรือโอกาสการได้งานใหม่ที่ดูเหมือนจะยากกว่าเดิม ทำให้คนจำนวนมากเลือกจะ “อยู่ในที่เดิมไปก่อน” แม้ว่างานนั้นจะไม่ตอบโจทย์แล้วก็ตาม

หลายคนกลัวว่า…

ความคิดเหล่านี้เข้าใจได้ เพราะทุกคนต่างต้องการความมั่นคงในชีวิต แต่ในอีกมุมหนึ่ง การ “กอดงานแน่นเกินไป” ก็อาจทำให้เราติดอยู่ใน comfort zone ที่ไม่มีการเติบโต ไม่ได้เรียนรู้สิ่งใหม่ และพลาดโอกาสสำคัญในการพัฒนาทักษะหรือก้าวสู่ตำแหน่งที่สูงขึ้น

โดยเฉพาะในยุคที่ตลาดแรงงานเปลี่ยนแปลงเร็วมาก ทั้งเทคโนโลยี AI การทำงานแบบรีโมต และการเกิดขึ้นของอาชีพใหม่ ๆ หากเรายังเลือกที่จะ “หยุดอยู่กับที่” เพราะกลัวความไม่แน่นอน เราอาจค่อย ๆ ถูกทิ้งไว้ข้างหลังโดยไม่รู้ตัว

ดังนั้น การรักษาความมั่นคงไว้เป็นเรื่องดี แต่ก็ไม่ควรลืมที่จะประเมินตัวเองอยู่เสมอว่า “เรายังเติบโตอยู่ไหม” และ “งานนี้ยังพาเราไปถึงเป้าหมายชีวิตได้หรือเปล่า” เพราะบางครั้ง การกล้าเปลี่ยนแปลงหนึ่งครั้ง… อาจเป็นก้าวสำคัญที่พาเราไปสู่โอกาสที่ดีกว่าเดิม

⚠️ สัญญาณว่าคุณอาจกำลัง “Job Hugging” อยู่โดยไม่รู้ตัว

แม้เราจะรู้สึกว่ายังทำงานได้ดี ไม่มีปัญหาอะไร แต่บางครั้ง “ความคุ้นเคย” และ “ความสบาย” ก็อาจหลอกให้เราคิดว่าเรายังอยู่ในจุดที่โอเค ทั้งที่จริง ๆ แล้ว… เราอาจกำลังหยุดนิ่งอยู่กับที่มานานเกินไปแล้วก็ได้

มาดูกันว่าคุณมีสัญญาณเหล่านี้หรือไม่ 👇

💤 อยู่ที่เดิมมานานโดยไม่มีความท้าทายใหม่
คุณอาจทำงานในหน้าที่เดิมมาหลายปีโดยไม่มีโปรเจกต์ใหม่ ๆ หรือโอกาสเรียนรู้อะไรเพิ่มเติม แม้จะเริ่มรู้สึกว่างานซ้ำไปวัน ๆ แต่ก็เลือกจะอยู่ต่อเพราะ “อย่างน้อยก็ทำได้ดีอยู่แล้ว” ทั้งที่ลึก ๆ รู้ว่ามันไม่พัฒนาอีกต่อไป

😟 กลัวการเริ่มต้นใหม่
เพียงแค่คิดถึงการสมัครงาน สัมภาษณ์งาน หรือเรียนรู้งานในที่ใหม่ ก็รู้สึกเหนื่อยหรือกังวลไปก่อนแล้ว ความกลัวว่าจะ “ไม่ผ่านโปร” หรือ “ไปไม่รอด” กลายเป็นเหตุผลให้คุณเลือกอยู่ที่เดิม แม้จะรู้ว่านั่นไม่ใช่ทางที่ดีที่สุดก็ตาม

💬 ปลอบใจตัวเองว่า “เดี๋ยวคงดีขึ้น”
แม้จะรู้สึกว่างานที่ทำอยู่ไม่ตอบโจทย์อีกต่อไป ทั้งเรื่องความท้าทายหรือรายได้ แต่ก็ยังปลอบใจตัวเองทุกวันว่า “อดทนอีกหน่อย เดี๋ยวก็คงดีขึ้น” ทั้งที่เวลาผ่านไปหลายปี ทุกอย่างก็ยังคงเหมือนเดิม

👀 รู้สึกอิจฉาคนอื่นที่เติบโตในสายงาน
เมื่อเห็นเพื่อนหรือคนรอบตัวเปลี่ยนงานแล้วได้เลื่อนตำแหน่ง เงินเดือนเพิ่ม หรือมีเส้นทางอาชีพที่ชัดเจนกว่าเดิม คุณอาจรู้สึกอิจฉาเล็ก ๆ หรือถามตัวเองว่า “ทำไมเรายังอยู่ที่เดิม?” แต่ก็ยังไม่กล้าทำอะไรกับมัน

หากคุณเริ่มมีอาการเหล่านี้มากกว่าหนึ่งข้อ อาจถึงเวลาที่ต้อง “ประเมินเส้นทางอาชีพของตัวเอง” อีกครั้ง ว่าตอนนี้คุณยังอยู่ในจุดที่เติบโตได้ไหม หรือเพียงแค่กำลัง “กอดงาน” เอาไว้เพราะความกลัวและความคุ้นเคย

💭 Job Hugging ดีหรือไม่ดี?

จริง ๆ แล้ว การ “อยู่ที่เดิมนาน” ไม่ได้เป็นเรื่องผิดเสมอไป เพราะในบางมุมมันก็มีข้อดีอยู่ไม่น้อย เช่น เราได้พัฒนาความเชี่ยวชาญในงานที่ทำ เข้าใจระบบการทำงานขององค์กรอย่างลึกซึ้ง มีความมั่นคงในรายได้ และสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับเพื่อนร่วมงานหรือหัวหน้า ซึ่งสิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นพื้นฐานสำคัญของการทำงานที่มีความสุข

แต่ในอีกมุมหนึ่ง หากการอยู่ต่อไม่ได้ทำให้เรารู้สึก เติบโตทั้งในด้านทักษะและจิตใจ หรือไม่ได้ทำให้เรามี “ความสุขมากขึ้น” กว่าปีก่อน ๆ นั่นอาจเป็นสัญญาณว่าถึงเวลาต้องทบทวนตัวเองแล้วว่า งานที่ทำอยู่ยังสอดคล้องกับเป้าหมายชีวิตของเราหรือไม่

เพราะ “ความมั่นคง” ที่แท้จริง ไม่ได้หมายถึงการอยู่ในที่เดิมให้นานที่สุด
แต่คือการ พัฒนาตัวเองให้พร้อมรับทุกการเปลี่ยนแปลง ต่างหาก

สิ่งสำคัญคือการรู้ว่า

“เราสามารถรักงานได้ แต่ต้องไม่ลืมรักตัวเอง และคิดถึงอนาคตของเราด้วยเช่นกัน” 💬

การเปลี่ยนงานไม่ใช่เรื่องผิด และไม่ได้หมายความว่าคุณไม่ซื่อสัตย์ต่อองค์กร แต่คือการมองหา “โอกาสที่เหมาะสมกว่า” ในช่วงเวลานั้นของชีวิต — เพราะบางครั้ง การก้าวออกจากจุดเดิมเพียงก้าวเดียว อาจพาคุณไปเจอเส้นทางที่ทำให้ทั้งชีวิตและการทำงาน “เติบโต” ได้มากกว่าที่เคยคิดไว้

🌱 แนวคิดใหม่ ๆ ที่ช่วยให้คุณ “ไม่กอดงานแน่นเกินไป”

ในยุคที่เส้นทางอาชีพไม่ได้มีรูปแบบตายตัวอีกต่อไป “การอยู่ที่เดิมนาน” ไม่ได้หมายความว่าเรากำลังเติบโตเสมอไป และ “การเปลี่ยนงาน” ก็ไม่ได้หมายความว่าเรากำลังหนีปัญหาเช่นกัน สิ่งสำคัญคือมุมมองและทัศนคติที่เรามีต่อการทำงานในระยะยาว

มาลองปรับมุมคิดเล็ก ๆ ที่อาจช่วยให้เราปลดล็อกจากภาวะ Job Hugging และเปิดรับโอกาสใหม่ ๆ ที่รออยู่ข้างหน้า 👇

🚉 มองอาชีพเหมือนการเดินทาง ไม่ใช่ปลายทางเดียว
ทุกที่ที่คุณไปคือ “สถานีแห่งการเรียนรู้” — บางสถานีอาจอบอุ่นและน่าจดจำ แต่ก็ไม่จำเป็นต้องอยู่ที่นั่นตลอดไป การเปลี่ยนที่ทำงานไม่ใช่ความล้มเหลว หากแต่มันคือโอกาสในการเรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ พบเจอผู้คนใหม่ ๆ และเก็บประสบการณ์ที่ทำให้คุณ “เก่งขึ้น” และ “เข้าใจตัวเองมากขึ้น”

🌿 เติบโตในแบบของตัวเอง
คำว่า “เติบโต” สำหรับบางคนอาจหมายถึงการเลื่อนตำแหน่ง ได้เงินเดือนสูงขึ้น หรือมีทีมงานดูแล แต่สำหรับบางคน… การเติบโตอาจหมายถึงการได้ทำงานที่สมดุลกับชีวิต มีเวลาให้ครอบครัวมากขึ้น หรือได้ทำงานในสิ่งที่รักจริง ๆ เพราะฉะนั้น อย่าวัดความสำเร็จของตัวเองด้วยมาตรฐานของคนอื่น จงเติบโตในแบบที่ทำให้คุณมี “ความสุข” และ “คุณค่า” ในทุกวัน

🔍 เปิดใจรับโอกาสไว้เสมอ
แม้ว่าคุณจะยังไม่คิดจะเปลี่ยนงานในตอนนี้ การเปิดใจเรียนรู้เกี่ยวกับตลาดแรงงานและเทรนด์อาชีพใหม่ ๆ ก็เป็นสิ่งสำคัญ การอัปเดตเรซูเม่ ลองดูตำแหน่งงานในสายที่สนใจ หรือพูดคุยกับที่ปรึกษาด้านอาชีพบ้างเป็นครั้งคราว จะช่วยให้คุณ “พร้อม” เมื่อโอกาสดี ๆ มาถึง

🚀 จะหลุดจากภาวะ Job Hugging ได้อย่างไร?

หลายคนอาจรู้ตัวแล้วว่ากำลัง “กอดงานแน่นเกินไป” แต่ไม่รู้จะเริ่มต้นอย่างไรดี การเปลี่ยนแปลงไม่จำเป็นต้องเกิดขึ้นทันที แต่สามารถเริ่มได้จาก “การปรับมุมมอง” และ “ลงมือทีละก้าว” เพื่อให้เราไม่หยุดนิ่งอยู่กับที่

1. ประเมินตัวเองอย่างตรงไปตรงมา
เริ่มจากการถามตัวเองง่าย ๆ ว่า

“งานนี้ยังทำให้ฉันเติบโตอยู่ไหม?”
“ฉันยังรู้สึกมีแรงบันดาลใจอยู่หรือเปล่า?”

ถ้าคำตอบคือ “ไม่แน่ใจ” หรือ “ไม่เหมือนเดิมแล้ว” นั่นอาจเป็นสัญญาณว่าถึงเวลาต้องมองหาโอกาสใหม่ ๆ ไม่จำเป็นต้องรีบลาออกทันที แต่อาจเริ่มจากการสำรวจตัวเองว่าอยากไปทางไหนต่อ หรืออยากพัฒนาทักษะด้านใดเพิ่มเติม

2. พัฒนาและอัปเดตตัวเองอยู่เสมอ
แม้จะยังทำงานอยู่ที่เดิม แต่การเรียนรู้ไม่ควรหยุดอยู่กับที่ ลองหาโอกาสเข้าคอร์สออนไลน์ เสริมทักษะใหม่ ๆ หรือเรียนรู้เทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องกับสายงานของคุณ เพราะสิ่งเหล่านี้จะช่วยเพิ่มคุณค่าให้ตัวเอง และทำให้คุณพร้อมเสมอเมื่อโอกาสใหม่มาถึง

การพัฒนาไม่เพียงแต่ช่วยให้คุณเติบโตในองค์กรปัจจุบัน แต่ยังทำให้คุณ “เป็นที่ต้องการ” ในตลาดแรงงานเสมอ

3. ฝากประวัติไว้กับบริษัทจัดหางานมืออาชีพ
บางครั้ง “โอกาสดี ๆ” ไม่ได้เกิดจากการวิ่งหา แต่เกิดขึ้นเมื่อเราพร้อมและเปิดรับมัน การฝากโปรไฟล์ไว้กับบริษัทจัดหางานมืออาชีพ เช่น Pasona Recruitment (Thailand) จะช่วยให้ผู้เชี่ยวชาญด้านอาชีพช่วยแนะนำตำแหน่งงานที่เหมาะกับความสามารถและเป้าหมายของคุณ

นอกจากจะช่วยประหยัดเวลาแล้ว ยังเป็นการเปิดโอกาสให้คุณได้เจองานที่ “ใช่” โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายใด ๆ อีกด้วย

 

Pasona Logo

Pasona Logo

🌟 เปิดรับโอกาสใหม่… เริ่มได้ตั้งแต่วันนี้ 

หากคุณเริ่มรู้สึกว่า “ถึงเวลาต้องก้าวต่อ” หรืออยากรู้ว่ามีงานแบบไหนที่เหมาะกับคุณมากกว่า 
📩 สามารถฝากประวัติหางานกับเราได้ฟรี! >>> https://pasona.co.th/register/  
เราจะติดต่อกลับเมื่อมีตำแหน่งที่ตรงกับความต้องการของคุณ — โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย 

แม้ตอนนี้คุณยังไม่รีบเปลี่ยนงาน ก็สามารถฝากประวัติไว้ก่อนได้เลย 
เพราะเมื่อโอกาสดี ๆ ที่ตรงกับความต้องการของคุณเปิดรับขึ้นมาอีกครั้ง… 
คุณจะได้ไม่พลาดโอกาสนั้นแน่นอน  

 

………………………………………………………  

หากไม่อยากพลาดคอนเทนต์ดีๆเกี่ยวกับเรื่องงานและงานอัพเดตใหม่ๆก่อนใคร อย่าลืมกดติดตาม  

Facebook Page: https://www.facebook.com/pasona.thailand  

Website: https://pasona.co.th/  

………………………………………………………  

หางานที่ใช่ ได้งานที่ชอบ ต่อยอดความฝัน ไปให้ถึงเป้าหมาย กับ PASONA  

Contact: Career Consultant  

Phone: 02-108-1250  

Email: info@pasona.co.th 

#JobHugging #เติบโตในสายงาน #พัฒนาตัวเอง #หางาน #หางานฟรี #สมัครงานฟรี #งานดี #CareerGrowth #WorkSmart #PasonaThailand #Pasona #BeYourBest #บริษัทจัดหางาน