7 ลักษณะการทำงานแบบญี่ปุ่นที่คนไทยในองค์กรญี่ปุ่นต้องทำความเข้าใจและปรับตัว
admin-kanato All Articles, HR Consulting ทำงานแบบญี่ปุ่น, บริษัทญี่ปุ่น, วัฒนธรรมการทำงาน, วัฒนธรรมญี่ปุ่น, องค์กรญี่ปุ่น, เพื่อนร่วมงานชาวญี่ปุ่น

[7 ลักษณะการทำงานแบบญี่ปุ่นที่คนไทยในองค์กรญี่ปุ่นต้องทำความเข้าใจและปรับตัว]
ประเทศไทยนับเป็นอีกประเทศหนึ่งในเอเชียที่เป็นเป้าหมายในการขยายธุรกิจของประเทศต่างๆทั่วโลก โดยเฉพาะญี่ปุ่น ทำให้ในปัจจุบันมีองค์กรเล็กใหญ่มากมายที่เข้ามาตั้งสาขาและบริหารงานโดยคนญี่ปุ่น ซึ่งวิธีการทำงานรวมทั้งวัฒนธรรมในการทำงานแบบประเทศญี่ปุ่นนั้น ค่อนข้างมีความเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่ไม่เหมือนประเทศใดในโลก ดังนั้นหากคุณสนใจหรือต้องการที่จะทำงานในองค์กรของญี่ปุ่น ก็ควรทำความเข้าใจและรู้ลักษณะการทำงานตั้งแต่เนิ่นๆ เพื่อให้สามารถทำงานได้อย่างราบรื่นและเป็นที่รักของเพื่อนร่วมงานชาวญี่ปุ่นทุกคน
- ทำงานด้วยความจริงจัง ตั้งใจ และ สุภาพ
ถ้าเปรียบเทียบกับการทำงานแบบอเมริกา หรือแม้แต่แบบไทยๆแล้ว สไตล์การทำงานของญี่ปุ่นจะเคร่งครัด จริงจัง และเป็นทางการมากกว่า ยกตัวอย่างเช่น เรียกด้วยชื่อจริง หรือ มีการกำหนดยูนิฟอร์มเครื่องแบบในการทำงาน รวมทั้งลักษณะของสูทหรือเสื้อที่สามารถใส่ได้ในที่ทำงานเพื่อสื่อให้เห็นถึงความสุภาพและความเป็นมืออาชีพของพนักงานแต่ละคน
และนอกจากนั้น ไม่ว่าจะเป็นตำแหน่งใดในบริษัท ทุกคนจะใจเย็น สุภาพ และ พูดคุยด้วยสติ (อาจมีโอกาสพบเจอคนทำงานชาวญี่ปุ่นที่อารมณ์รุนแรงบ้าง แต่มีโอกาสน้อยมาก)
- ให้เกียรติรุ่นพี่ หรือ ผู้ที่ทำงานมาก่อน
การจัดลำดับความอาวุโส (Nenkou-joretsu) การให้ความเคารพรุ่นพี่เป็นวัฒนธรรมที่ถูกปลูกฝังมาในตัวของคนญี่ปุ่นตั้งแต่ช่วงวัยเรียน ดังนั้นในบริษัทญี่ปุ่น ฐานเงินเดือนและการโปรโมทตำแหน่งจะขึ้นอยู่กับความอาวุโสในบริษัท
ส่วนใหญ่แล้วพนักงานที่มาใหม่ จะได้รับฐานเงินเดือนที่น้อยกว่าคนที่ทำงานมานานแล้ว จวบจนกระทั่งรอการโปรโมท ดังนั้นนี่จึงเป็นสาเหตุที่คนญี่ปุ่นมักกลัวการลาออก เพราะหากลาออกไปแล้ว เริ่มต้นที่ทำงานใหม่ ก็ไม่ต่างอะไรกับการเริ่มนับหนึ่งใหม่
- ทำงานเป็นทีม รับผิดชอบเป็นทีม
วัฒนธรรมการทำงานแบบตะวันตกมักจะเน้นไปที่การทำงานคนเดียว อิสระ และมีอีโก้ค่อนข้างสูง ซึ่งแตกต่างจากการทำงานแบบญี่ปุ่นที่ให้ความสำคัญกับการทำงานแบบทีม มีคำกล่าวที่ว่า “หากต้องการให้งานสำเร็จ ต้องทำงานด้วยกัน” ในตำแหนงของผู้จัดการ จะให้ความสำคัญกับความคิดเห็นของกลุ่มมากกว่ารายบุคคล แต่อย่างไรก็ตาม ตำแหน่งระดับสูงจะคอยแนะนำแนวทาง ให้คำปรึกษา รวมทั้งเป็นผู้เชื่อมโยงสิ่งต่างๆเข้าด้วยกัน ดังนั้นเพื่อนร่วมงานก็จะเป็นแนวสนับสนุนและให้ความร่วมมือในการทำทุกอย่างให้ราบรื่น
นอกจากนั้นตัวบริษัทเองก็มุ่งให้ความสำคัญต่อความรู้สึกเป็นเจ้าของบริษัทร่วมกันของทีมงานทุกคนเพื่อให้พนักงานมุ่งทำงานเพื่อความสำเร็จของทีมมากกว่าความสำเร็จในเส้นทางการทำงาน
- กินดื่มหลังเลิกงาน
ในหลายๆประเทศ วัฒนธรรมองค์กรในการสร้างความสัมพันธ์ให้กับทีมงานทุกคนมักจะจบลงหลังจากหมดเวลาทำงาน แต่ไม่ใช่สำหรับของประเทศญี่ปุ่น เพราะหลังจากเลิกงานแล้ว วิธีเชื่อมความสัมพันธ์ก็คือการออกไปหาอะไรดื่มด้วยกัน
แต่ไหนแต่ไรมา คนญี่ปุ่นมักจะใช้เวลาร่วมกันกับเพื่อนร่วมงานไม่ว่าจะทานข้าว กินดื่ม เที่ยว คาราโอเกะ หรือจัดปาร์ตี้ที่เรียกว่า Nomikai ที่หวังว่าจะทำให้ทุกคนได้พูดคุยกันมากขึ้น.
- มีความตรงต่อเวลาสูง และทำงานหนัก พักผ่อนน้อย
คนญี่ปุ่นให้ความสำคัญเรื่องเวลาที่สูงมาก แทบเรียกได้ว่าทุกๆเทคโนโลยี และทุกๆความทุ่มเทโดยเฉพาะในด้านบริการ จะให้ความสำคัญกับการตรงต่อเวลาเป็นหลัก รถไฟที่เทียบท่าตรงเวลา และทุกการนัดหมายจะไม่มีคำว่า”สาย” ดังนั้นหากต้องการสร้างความประทับใจในการทำงาน ทุกๆกิจกรรมและทุกๆการทำงานที่มีการกำหนดเวลาเอาไว้ ควรตรงต่อเวลาที่นัดหมายไว้เสมอ
และคุณอาจจะเคยได้ยินได้ฟังมาว่า คนญี่ปุ่นทำงานหนักมาก และทำงานจำนวนชั่วโมงบ่อยกว่าประเทศอื่นๆในโลกนี่จริงหรือไม่ คำตอบคือ “จริง”ครับ
ปัญหาการทำงานหนักของประเทศญี่ปุ่นเป็นสาเหตุทำให้พนักงานเสียชีวิตมาหลายกรณี จากผลการวิจัยและเก็บข้อมูลของกระทรวงสาธารณสุขของญี่ปุ่นพบว่า 25% ของบริษัทญี่ปุ่นมีพนักงานที่ทำงานเกินเวลากว่า 80 ชม.ต่อเดือนเลยทีเดียว ซึ่งใน 12% ของคนเหล่านั้นทำงานเกินกว่า 100 ชม. ทั้งๆที่หลายๆคนทำงานล่วงเวลาแล้วไม่ได้เงินค่าล่วงเวลาก็ตาม หลายๆคนให้เหตุผลว่า รู้สึกผิดที่จะกลับบ้านเพราะเห็นเพื่อนร่วมงานยังนั่งทำงานอยู่
ในความเป็นจริงแล้ว กฎหมายการทำงานก็ยังมีระบุเอาไว้ว่าจะสามารถทำงานต่อวันได้ไม่เกิน 8 ชั่วโมงเท่านั้น ถ้าบริษัทไหนต้องการเพิ่ม จะต้องทำการขออนุญาตจากกระทรวงแรงงาน ซึ่งในความเป็นจริงนั้นสามารถตรวจสอบได้ยากมาก
ดังนั้นหากคุณจะทำงานในบริษัทญี่ปุ่นก็ควรตั้งใจทำงานและทำงานให้เกิดประสิทธิภาพสูงที่สุดระหว่างชั่วโมงการทำงานก็เพียงพอแล้ว
- มีวิธีการสื่อสารแบบอ้อมๆ
คนญี่ปุ่นเป็นคนที่ตอบปฏิเสธคนอื่นหรือตอบคำว่า”ไม่”ได้ยากมาก รวมทั้งไม่แสดงออกซึ่งความรู้สึกที่แท้จริงให้คนอื่นเห็นได้ง่ายๆ ในทางกลับกันคนญี่ปุ่นจะมีวิธีในการสื่อสารถึงความรู้สึกที่แท้จริงแบบอ้อมๆโดยเฉพาะการตอบโต้ในเชิงลบในแบบที่รุนแรงน้อยที่สุด ซึ่งเหล่านี้ในช่วงต้นจะดูออกได้ยากมาก แต่เมื่อทำงานร่วมกันไปซักพักใหญ่ๆก็จะทำให้คุณเริ่มสังเกตได้มากยิ่งขึ้น
- ตัดสินใจต้องผ่านกระบวนการพิจารณาหลายขั้นตอน
การทำงานแบบญี่ปุ่นมักจะใช้หลักการที่เรียกว่า “Ho-Ren-So” ย่อมาจาก Houkoku – Renraku – Soudan (ที่แปลว่า รายงาน – ติดต่อ – ขอคำปรึกษา) ซึ่งด้วยขั้นตอน 3 ขั้นตอนนี้ ทำให้ทุกๆเรื่องราวที่เกิดขึ้น พนักงานจะต้องมีการรายงานต่อผู้บังคับบัญชาเสียก่อนโดยไม่คำนึงถึงความสำคัญหรือความจำเป็นของการตัดสินใจอย่างรวดเร็ว ทุกอย่างจะต้องเป็นไปตามขั้นตอน และผู้ที่ตัดสินใจสูงสุดก็คือหัวหน้าสูงสุดเท่านั้น ถึงแม้จะเป็นเรื่องเล็กๆแต่อย่างน้อยจะต้องรายงานต่อหัวหน้าที่คุณขึ้นตรงอยู่โดยตรงเสมอ
จะเห็นได้ว่าคนญี่ปุ่นจะให้ความสำคัญกับรายละเอียดและระมัดระวังในการตัดสินใจทุกอย่างตลอดเวลา จึงต้องการการปรึกษาหารือจากทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง ทำให้กระบวนการต่างๆใช้เวลานานเสมอ
เมื่อคุณสามารถทำความเข้าใจและเรียนรู้ลักษณะการทำงานของคนญี่ปุ่นได้ ก็จะทำให้ทำงานได้อย่างราบรื่นมากยิ่งขึ้น และเป็นที่รักของเพื่อนร่วมงานชาวญี่ปุ่นอีกด้วย
ทาง PASONA ก็หวังว่าผู้สมัครและหางานทุกท่านจะได้รับข้อมูลดีๆที่สามารถนำไปต่อยอดเพื่อเตรียมความพร้อมเมื่อได้รับโอกาสเข้าสัมภาษณ์งานในบริษัทญี่ปุ่น และก็ขอเป็นกำลังใจให้ทุกท่านสอบผ่าน ได้งานดีๆตามที่หวังไว้นะครับ
………………………………………………………
สามารถติดตามข่าวสาร ตำแหน่งงานจากบริษัทญี่ปุ่นทั่วประเทศ และงานอบรมออนไลน์ได้ในเฟสบุ๊ค PASONA ที่นี่ได้เลย
FREE Registration : สามารถลงทะเบียนข้อมูลเบื้องต้นเพื่อหางานและฝากใบสมัครโดยไม่มีค่าใช้จ่ายได้ที่
>>> https://pasona.co.th/registration-form/ <<<
………………………………………………………
หางานที่ใช่ ได้งานที่ชอบ ต่อยอดความฝัน ไปให้ถึงเป้าหมาย กับ PASONA
☎️ Contact: Career Consultant
Phone: 02-108-1250
Email: info@pasona.co.th
หางาน สมัครงาน หาคน หาคอร์สอบรม และ บริการต่างๆที่ช่วยพัฒนาองค์กร ได้ที่ PASONA
บทความที่เกี่ยวข้อง

7 ลักษณะการทำงานแบบญี่ปุ่นที่คนไทยในองค์กรญี่ปุ่นต้องทำความเข้าใจและปรับตัว
หากคุณสนใจหรือต้องการที่จะทำงานในองค์กรของญี่ปุ่น ก็ควรทำความเข้าใจและรู้ลักษณะการทำงานตั้งแต่เนิ่นๆ เพื่อให้สามารถทำงานได้อย่างราบรื่นและเป็นที่รักของเพื่อนร่วมงานชาวญี่ปุ่นทุกคน

10 คำถามที่มักถูกหยิบขึ้นมาระหว่างการสัมภาษณ์งานของบริษัทญี่ปุ่น
ขั้นตอนที่สำคัญที่สุดและเรียกได้ว่าเป็นจุดตัดสินในการได้เข้าทำงานโดยเฉพาะในบริษัทญี่ปุ่นก็คือ “การสัมภาษณ์” ซึ่งจากประสบการณ์ในการดูแลผู้หางานจำนวนมาก มีผู้สมัครจำนวนไม่น้อยเลยที่มีความสามารถมากอยู่ในตัวแต่ต้องพลาดไปอย่างน่าเสียดายเพราะว่าตอบคำถามได้ไม่ชัดเจนหรือคิดคำตอบระหว่างสัมภาษณ์ได้ไม่ดีนัก

[เตรียมสัมภาษณ์งานออนไลน์ในช่วง Covid-19]
การสมัครงานทุกวันนี้ มีหลากหลายรูปแบบด้วยกัน ด้วยความทันสมัย และเจริญก้าวหน้าทางเทคโนโลยี ทำให้เราสามารถสมัครงานผ่านเว็บไซต์ได้ หรือส่งประวัติผ่านอีเมลล์ได้ แต่ขั้นตอนสำคัญที่สุดในการที่เราจะได้ร่วมงานกับบริษัทที่เราใฝ่ฝัน ก็คือ การสัมภาษณ์งาน ซึ่งเราจะได้มีโอกาสเข้ามาดูบรรยากาศการทำงาน สถานที่ทำงาน รวมถึงได้พบกับบุคคลากรของบริษัทนั้นๆ ซึ่งเป็นโอกาสที่เราจะได้แสดงตัวตนของเรา และสร้างความประทับใจให้กับบริษัทได้โดยตรง
เรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับบริการของเรา
Thailand Head Quarter
26th Floor, Sathorn Square
Office Tower,
98 North Sathorn Road, Silom,
Bangrak, Bangkok 10500, Thailand
TEL: +662-108-1250
E-mail: info@pasona.co.th
เตรียมตัวสัมภาษณ์อย่างไร ให้ได้งาน
การสมัครงานทุกวันนี้ มีหลากหลายรูปแบบด้วยกัน ด้วยความทันสมัย และเจริญก้าวหน้าทางเทคโนโลยี ทำให้เราสามารถสมัครงานผ่านเว็บไซต์ได้ หรือส่งประวัติผ่านอีเมลล์ได้ แต่ขั้นตอนสำคัญที่สุดในการที่เราจะได้ร่วมงานกับบริษัทที่เราใฝ่ฝัน ก็คือ การสัมภาษณ์งาน ซึ่งเราจะได้มีโอกาสเข้ามาดูบรรยากาศการทำงาน สถานที่ทำงาน รวมถึงได้พบกับบุคคลากรของบริษัทนั้นๆ ซึ่งเป็นโอกาสที่เราจะได้แสดงตัวตนของเรา และสร้างความประทับใจให้กับบริษัทได้โดยตรง
เพราะฉะนั้น การเตรียมความพร้อมสำหรับการสัมภาษณ์งาน จึงเป็นเรื่องที่สำคัญอย่างมาก นอกจากเรื่องบุคลิกภาพ การแต่งกายที่เราได้พูดถึงในบทความก่อนหน้านี้แล้ว (สามารถอ่านได้ที่บทความนี้ : https://pasona.co.th/b/1144)
การเตรียมพร้อมสำหรับคำถาม รวมถึงข้อมูลบริษัทก็เป็นสิ่งที่สำคัญไม่แพ้กัน หรืออาจจะมากกว่าเสียด้วยซ้ำ เพราะเป็นวัดทัศนคติ และความเหมาะสมสำหรับตำแหน่งงานนั้นๆอย่างแท้จริง แน่นอนว่าเราไม่สามารถคาดเดาสิ่งที่ผู้สัมภาษณ์จะถามกับเราได้ แต่เราสามารถเตรียมตัวสำหรับแนวคำถามต่างๆ เพื่อเพิ่มโอกาสให้กับตัวเองได้ ถ้าอย่างนั้นเรามาเตรียมความพร้อมกันดีกว่าค่ะว่าคำถามที่มักจะเจอในการสัมภาษณ์งานมีอะไรบ้าง ซึ่งแนวคำถามต่างๆที่พบเจอได้บ่อยครั้งในการสัมภาษณ์ จะขอยกตัวอย่างจากเว็บไซต์หางานชื่อดัง JobsDB.com
คำถาม : เล่าเรื่องคุณให้เราฟังหน่อย
แนวทางการตอบ : คำถามนี้แม้จะเหมือนกับทางบริษัทอยากรู้จักคุณเพิ่มขึ้นแต่ก็ไม่ควรเล่าเรื่องส่วนตัว เช่น คุณเป็นคนอย่างไร ชอบอะไรหรือมีงานอดิเรกอะไร ควรเน้นเล่าเรื่องที่เกี่ยวกับคุณสมบัติของคุณ เรียนจบอะไรมา มีประสบการณ์การทำงานอะไรมาบ้าง และเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับการเตรียมตัวเป็นผู้สมัครที่ดีที่สุดของงานนี้ โดยในแต่ละเรื่องที่คุณเล่าควรมีเหตุการณ์หรือมีการยกตัวอย่างที่เป็นรูปธรรมประกอบด้วย
คำถาม : ทำไมเราควรจ้างคุณ
แนวทางการตอบ : คุณสามารถตอบได้ว่าคุณเป็นผู้สมัครที่เหมาะสมที่สุดสำหรับตำแหน่งนี้โดยให้เหตุผลที่เหมาะสมเพิ่มเติม ดังนั้นสิ่งที่คุณต้องรู้เพื่อจะตอบคำถามนี้ให้ได้ดีคือ รายละเอียดของตำแหน่งงานและบริษัทที่คุณสมัคร และสิ่งที่คุณจะสามารถให้กับองค์กรได้ ความรู้ความสามารถใดที่มีแต่อาจจะยังไม่เกี่ยวกับตำแหน่งนี้โดยตรงก็สามารถยกขึ้นมาพูดได้หากคุณเล็งเห็นว่ามันจะมีประโยชน์กับองค์กรได้ในอนาคต
คำถาม : ทำไมคุณจึงสนใจงานนี้/ ทำไมคุณจึงลาออกจากที่ทำงานเก่า
แนวทางการตอบ : สำหรับสองคำถามนี้ให้ตอบโดยเน้นไปที่ตัวงาน ไม่ใช่เงินเดือน สวัสดิการที่ดีกว่า เช่น สนใจงานนี้เพราะมีความท้าทายในตัวงานที่คุณคิดว่าคุณสามารถทำได้จากคุณสมบัติที่คุณมี โดยยกเหตุผลและตัวอย่างด้วย เช่นเดียวกับคำถามเรื่องการลาออกจากที่เก่าก็สามารถตอบได้ในทำนองเดียวกัน โดยควรหลีกเลี่ยงการพูดถึงปัญหาความสัมพันธ์กับเจ้านายหรือเพื่อนร่วมงานหรืออะไรก็ตามที่เป็นการพูดในแง่ไม่ดีถึงบริษัทเก่าของคุณ
คำถาม : ข้อด้อยของคุณคืออะไร
แนวทางการตอบ : หลายคนเลือกตอบคำถามนี้ด้วยการพยายามทำให้ข้อด้อยกลายเป็นข้อดีขึ้นมาเพราะไม่อยากพูดถึงข้อเสียของตัวเอง เช่น เป็นคนให้ความสำคัญกับงานมากจนไม่มีเวลาทำอย่างอื่น อาจจะดูเหมือนเป็นคำตอบที่ดีแต่ก็แฝงไปด้วยความหมายว่าคุณบริหารจัดการเวลาไม่ค่อยเป็น ในความเป็นจริงแล้วคุณสามารถพูดถึงข้อด้อยของตัวเองได้อย่างตรงไปตรงมาแต่ควรเป็นสิ่งที่คุณได้พยายามแก้ไขจนดีขึ้นแล้ว ยกตัวอย่างเช่น เคยเป็นคนบริหารจัดการเวลาไม่ค่อยเป็นทำให้ไม่ค่อยมีเวลาให้ชีวิตส่วนตัว ภายหลังจึงเลือกใช้วิธีจัดลำดับความสำคัญของงาน จัดทำ to do list หรือใช้ application มือถือช่วยจัดตารางการทำงานเป็นต้น
คำถาม : เป้าหมายระยะยาวของคุณคืออะไร
แนวทางการตอบ : บางครั้งอาจจะเป็นคำถามว่าคุณเห็นตัวเองเป็นอย่างไรใน 5 ปีต่อจากนี้ คุณสามารถตอบได้ตามความฝันของคุณ เช่นอยากนั่งตำแหน่งหัวหน้างานหรือผู้จัดการแผนก แต่ก็ควรพิจารณาเลือกเป้าหมายที่มีความเป็นไปได้ตามกรอบเวลานั้น และควรยกตัวอย่างประกอบด้วยว่าคุณวางแผนอย่างไรที่จะไปถึงเป้าหมาย คุณจะพัฒนาความสามารถอย่างไรให้เหมาะสมกับตำแหน่งนั้น ความท้าทายและอุปสรรคในการเดินไปถึงจุดหมายคืออะไรและคุณคิดว่าจะจัดการกับมันอย่างไร
จะเห็นได้ว่าการตอบคำถามในการสัมภาษณ์งานนั้นคุณไม่จำเป็นต้องคิดคำตอบให้สวยหรูดูดีเสมอไป การตอบตามความเป็นจริงนั้นดีที่สุด เพราะเป็นประสบการณ์ตรงในชีวิตที่ไม่ต้องอาศัยการท่องจำจนขาดความเป็นธรรมชาติ นอกจากนี้การพูดถึงสิ่งใดก็ตามควรมีหลักฐานหรือตัวอย่างสนับสนุนคำพูดของคุณเสมอ การซ้อมตอบคำถามเหล่านี้หลายครั้งก่อนวันสัมภาษณ์จริงจะช่วยให้คุณสามารถเลือกคำตอบที่ดีที่สุดได้ค่ะ
คำถาม : คุณรู้อะไรเกี่ยวกับบริษัทเราบ้าง
แนวทางการตอบ : ทุกครั้งที่สมัครงาน เราจำเป็นที่จะต้องรู้และเข้าใจรายละเอียดที่สำคัญของบริษัทนั้นๆ เช่น ประวัติบริษัท ผลิตภัณฑ์ ภาพลักษณ์องค์กร กลุ่มลูกค้า หากมีสิ่งที่เรารู้สึกประทับใจเกี่ยวกับบริษัทนั้นๆ ก็สามารถแสดงความชื่นชมได้อย่างเหมาะสม เพื่อแสดงให้บริษัทที่เราไปสัมภาษณ์เห็นว่าคุณมีความพร้อม และต้องการที่จะเป็นส่วนหนึ่งของบริษัทนั้นอย่างแท้จริง
สำหรับข้อแนะนำเพิ่มเติมในฐานะ Consultant ของบริษัทจัดหางาน Pasona คือเรื่องของการรักษามารยาทในการสมัครงาน ควรมีความสำรวม ให้เกียรติผู้สัมภาษณ์ สบตาอย่างจริงใจ ไม่หลบสายตา แต่ไม่จ้องตาจนเกินงาม เป็นมิตร ยิ้มแย้มแจ่มใส กระตือรือร้น เป็นผู้พูด และผู้ฟังที่ดี มีความมั่นใจในตัวเอง แต่ก็ยังคงความนอบน้อม หรือสรุปง่ายๆก็คือ เราควรเป็นตัวของตัวเองในแบบที่ดีที่สุดค่ะ
นอกจากนี้ หลังจากที่คุณได้เตรียมตัวในการสัมภาษณ์งานมาอย่างดีแล้ว แต่ดันมาเจอคำถามที่ไม่คาดคิดว่าจะถูกผู้สัมภาษณ์ถาม ก็เป็นสิ่งที่สามารถเกิดขึ้นได้เช่นกัน งั้นลองมาเตรียมพร้อมสำหรับคำถามแปลกๆกันบ้าง เพื่อเตรียมความพร้อมให้เรารู้สึกมั่นใจยิ่งขึ้นด้วยค่ะ
ขอยกตัวอย่างคำถามแปลกๆ จากเว็บไซต์ JobThai.com/REACH ดังต่อไปนี้ค่ะ
ทำไมฝาท่อระบายน้ำต้องเป็นรูปวงกลม ?
ทั้งคำถาม “ทำไมฝาท่อระบายน้ำต้องเป็นวงกลม” และคำถามว่า “คุณจะเคลื่อนย้ายภูเขาไฟฟูจิได้อย่างไร” ต่างก็เคยปรากฏในเนื้อหาของหนังสือที่มีชื่อว่า “How Would You Move Mount Fuji? Microsoft’s Cult of the Puzzle: How the World’s Smartest Company Selects the Most Creative Thinkers” ซึ่งแค่ชื่อหนังสือก็พอจะบอกได้ว่าองค์กรไอทีระดับโลกอย่าง Microsoft นั้นมีกระบวนการสัมภาษณ์งานที่โหดหินเพียงใด เพราะพวกเขามักจะสอดแทรกคำถามเชิงตรรกศาสตร์และคำถามเพื่อให้เกิดการแก้ไขปัญหาลงไปในรายการคำถามสำหรับคัดเลือกผู้สมัครงานด้วย
เมื่อเจอคำถามแบบนี้ คุณต้องอธิบายเหตุผลให้ได้ว่าทำไมถึงคุณถึงตอบแบบนั้น เช่น การตอบคำถาม ว่า “ทำไมฝาท่อระบายน้ำต้องเป็นรูปวงกลม” อาจจะอธิบายว่าฝาที่เป็นวงกลมจะทำให้กรอบของท่อนั้นแข็งแรงเพราะมีการกระจายน้ำหนักเท่ากันโดยรอบ ซึ่งต่างจากฝารูปร่างอื่น ๆ เช่น รูปสี่เหลี่ยม หรือฝาท่อแบบวงกลมไม่มีทางที่จะหล่นลงไปในท่อได้ ซึ่งฝาท่อรูปทรงสี่เหลี่ยมมีโอกาสจะตกลงไปได้หากถ้าฝาท่อสี่เหลี่ยมถูกพลิกด้านข้าง หรือคำตอบอะไรก็ได้ที่แสดงว่าคุณคิดอย่างเป็นเหตุเป็นผล เชื่อมโยงและสนับสนุนกับคำตอบของคุณ
ถ้าคุณเป็นก้อนอิฐในกำแพง คุณอยากจะเป็นก้อนอิฐก้อนไหน และทำไม?
คำถามที่ว่า “ถ้าคุณเป็นก้อนอิฐในกำแพง คุณอยากจะเป็นก้อนอิฐก้อนไหนและทำไม” หรือคำถามว่า “หากคุณเลือกเป็นสัตว์ได้หนึ่งชนิด คุณอยากเป็นอะไรและทำไม” คำถามเหล่านี้มีไว้เพื่อให้คุณได้แสดงบุคลิกภาพของคุณ คำตอบของคุณจะบ่งบอกนิสัยและคุณสมบัติบางอย่าง
เมื่อคุณเจอคำถามประเภทนี้คุณต้องคิดให้รวดเร็วและรอบคอบ จากนั้นจึงตอบคำถามโดยอาศัยสิ่งที่คุณมีอยู่หรือสิ่งที่คุณได้ทำการบ้านล่วงหน้ามาก่อน เช่น ถ้าคุณเตรียมตัวตอบคำถามประเภทข้อดี–ข้อเสียของตัวคุณ คุณสามารถนำการตอบแบบนั้นมาผสมผสานกับการตอบคำถามประเภทนี้ได้ ถ้าจะตอบคำถามว่า “อยากเป็นอิฐก้อนไหน” คุณอาจจะตอบว่า “ฉันอยากจะเป็นอิฐก้อนแรกที่อยู่ที่ฐานล่างสุดของกำแพง เพราะฉันเป็นคนที่หนักแน่น คนอื่นไว้วางใจได้ ถ้าใครได้ทำงานด้วยก็มั่นใจได้เลยว่าฉันจะไม่ทำให้ผิดหวัง ฉันจะคอยเป็นฐานที่แข็งแกร่งคอยสนับสนุนคนอื่น ๆ ในทีมเอง”
อย่าลืมว่าท้ายที่สุดแล้วไม่ว่าคำถามจะแปลกแค่ไหน คิด พิจารณาทุกอย่างให้ดีก่อนตอบคำถามนั้นออกไป เพราะทุกคำถามก็เป็นไปเพื่อการทดสอบความเหมาะสมของคุณกับตำแหน่งงานนั้น ๆ อยู่ดี
นอกจากนี้ทาง Pasona ยังมีคำถามสัมภาษณ์งานโดยรวบรวมจาก Consultant ชาวญี่ปุ่นมาฝากให้กับผู้สมัครงานที่สนใจสมัครงานกับบริษัทญี่ปุ่นอีกด้วยค่ะ หากคุณกำลังสนใจ หรือกำลังได้สัมภาษณ์กับบริษัทญี่ปุ่น เราขอแนะนำให้ลองฝึกตอบคำถามดังต่อไปนี้ค่ะ
- แนะนำตัวเองอะไรก็ได้ ภายในหนึ่ง หรือ สองนาที
- ทำไมถึงอยากร่วมงานกับเรา
- คุณรู้อะไรเกี่ยวกับบริษัทเราบ้าง
- จงบอกข้อดี ข้อเสียของคุณ
เทคนิค คือ ควรตอบข้อเสียที่มาพร้อมกับแผนการว่าจะพัฒนา หรือแก้ไขข้อเสียได้อย่างไร
- กิจกรรมที่เข้าร่วมในขณะเรียนมหาลัย หรือประสบการณ์การทำงานที่ผ่านมา เช่น จิตอาสา กีฬา หรือทำPart Time เพื่อดูประสบการณ์ที่เกี่ยวข้องกับตำแหน่งงานที่สมัคร ว่าผู้สมัครมีความเหมาะสมกับตำแหน่งงานนั้นๆหรือไม่
- เนื้อหาข่าวที่ผู้สมัครสนใจ เช่น ข่าวการเมือง เศรษฐกิจ สำหรับตำแหน่งงานทั่วไป ว่าเป็นคนสนใจเหตุการณ์ รอบรู้หรือไม่ ผู้สมัครควรมีความรู้เกี่ยวกับข่าวการเมือง เศรษฐกิจ สังคม อย่างใดอย่างหนึ่ง
- ระยะเวลาในการทำงาน เทคนิคการตอบคือ ควรมีความตั้งใจที่จะทำงานกับทางบริษัทมากกว่าห้าปี
- ในการสัมภาษณ์ครั้งสุดท้าย บริษัทอาจจะถามว่า บริษัทของเราเป็นที่ที่คุณให้ความสำคัญ หรืออยากร่วมงานเป็นอันดับแรกหรือไม่ ผู้สมัครไม่ควรตอบไปว่าสัมภาษณ์หลายที่ ควรมีความมุ่งมั่นที่จะร่วมงานกับทางบริษัทจริงๆ
- มีคำถามอะไรอยากจะถามเรารึเปล่า เป็นคำถามเพื่อวัดว่าสนใจบริษัทเรา หรืองานนั้นจริงๆหรือไม่
จะเห็นได้ว่าคำถามที่สัมภาษณ์ในไทย กับญี่ปุ่นจะค่อนข้างคล้ายกัน มีจุดแตกต่างเพียงกันเล็กน้อย คือ เรื่องของความสนใจเกี่ยวกับข่าวสารบ้านเมือง เพื่อดูว่าเป็นคนสนใจสิ่งรอบตัว หรือพอมีความรู้รอบตัวบ้างหรือไม่ และเรื่องของระยะเวลาการทำงานที่ทางญี่ปุ่นจะให้ความสำคัญกับความจงรักภักดีในองค์กร โดยคาดหวังให้พนักงานทำงานกับบริษัทไปนานๆ
แต่จะให้ฝึกตอบคำถามทั่วไปแบบนี้ ก็อาจจะธรรมดาไปหน่อย ทาง Pasona จึงได้นำแนวคำถามแปลกๆในการสัมภาษณ์งานจากทางญี่ปุ่นบางส่วนมาให้ผู้สมัครงานฝึกตอบคำถามกันด้วยค่ะ
- ให้พรีเซ็นท์ หรือหาวิธีเพื่อเปลี่ยนทัศนคติของผู้สัมภาษณ์ เช่น เป็นคนไม่ชอบเขียนจดหมาย ทำอย่างไรให้ชอบเขียนจดหมาย หรือ ไม่ชอบดูหนัง จะนำเสนอยังไงให้ชอบดูหนัง
- มีรูปมาให้ เป็นวัสดุหนึ่งชิ้น แล้วถามว่า สิ่งนี้สามารถทำอะไรได้บ้าง ให้บอกมา 10 ข้อ (คำถามในการสมัครบริษัทให้คำปรึกษา เป็นแบบ brainstorm เพื่อดูทักษะความคิดสร้างสรรค์ และการคิดเชิงตรรกะ
- ให้ผู้สมัครงานเป็นผู้สัมภาษณ์คนของบริษัท หลังจากเป็นผู้ถูกสัมภาษณ์ ให้สลับบทบาทกัน เพื่อดูว่าผู้สมัครงานเตรียมความพร้อมมามากแค่ไหน
และอีกหนึ่งคำถามที่น่าสนใจในด้านกระบวนการคิดคำนวณ จากบริษัท Consulting ที่จะขอยกตัวอย่างมาจากเว็บไซต์ JobThai.com/REACH ค่ะ
- ในประเทศญี่ปุ่นมีร้านทำผมสตรีกี่ร้าน
คนสัมภาษณ์ต้องการเปิดโอกาสให้คุณได้แสดงทักษะและกระบวนการคิดของคุณ เมื่อคุณถูกถามแบบนี้ คุณต้องเรียบเรียงความคิดของคุณออกมาเป็นคำพูดให้ดี คุณอาจจะเริ่มด้วยการวิเคราะห์ เช่น เราต้องรู้จำนวนประชากรของประเทศญี่ปุ่นก่อน และเราต้องค้นหาว่าคนญี่ปุ่นทำผมคิดเป็นกี่เปอร์เซ็นต์ของคนทั้งประเทศและพวกเขาทำผมบ่อยแค่ไหน
ซึ่งบ่อยครั้งที่ผู้สมัครมักจะตอบคำถามที่เหนือความคาดหมายไม่ได้ เนื่องจากไม่ได้เตรียมความพร้อมสำหรับคำถามเหล่านี้มา เราจึงควรฝึกตอบคำถามที่มีความแปลก และไม่คาดคิดว่าจะถูกถามไว้ด้วย โดยเริ่มฝึกจากคำถามที่ทาง Pasona ได้ยกตัวอย่างมา และจากเว็บไซต์ต่างๆเพิ่มเติมได้ค่ะ เพื่อที่ว่าเราจะได้มีสกิลในการตอบคำถามเพิ่มขึ้น และไม่ตื่นตระหนกจนเกินไป
เมื่อเรารู้แนวทางการสัมภาษณ์งานแล้ว ก็อย่าชะล่าใจเชียวค่ะ รีบมาฝึกตอบคำถามเพื่อเตรียมความพร้อมในการสัมภาษณ์งานกันดีกว่า เพราะถ้าเราหมั่นฝึกฝนตัวเองจนมีความพร้อมแล้ว รบร้อยครั้งก็ชนะร้อยครั้ง เช่นเดียวกันกับการสมัครงานค่ะ ถ้าเราหมั่นฝึกตอบคำถามควบคู่ไปกับการฝึกฝนทักษะต่างๆอย่างสม่ำเสมอ สมัครงานกี่ครั้งก็ผ่านทุกครั้งแน่นอนค่ะ ทาง Pasona ขอเป็นกำลังใจให้ผู้ที่กำลังจะได้สัมภาษณ์งานได้งานที่ตรงกับใจต้องการกันนะคะ
บทความที่เกี่ยวข้อง

7 ลักษณะการทำงานแบบญี่ปุ่นที่คนไทยในองค์กรญี่ปุ่นต้องทำความเข้าใจและปรับตัว
หากคุณสนใจหรือต้องการที่จะทำงานในองค์กรของญี่ปุ่น ก็ควรทำความเข้าใจและรู้ลักษณะการทำงานตั้งแต่เนิ่นๆ เพื่อให้สามารถทำงานได้อย่างราบรื่นและเป็นที่รักของเพื่อนร่วมงานชาวญี่ปุ่นทุกคน

10 คำถามที่มักถูกหยิบขึ้นมาระหว่างการสัมภาษณ์งานของบริษัทญี่ปุ่น
ขั้นตอนที่สำคัญที่สุดและเรียกได้ว่าเป็นจุดตัดสินในการได้เข้าทำงานโดยเฉพาะในบริษัทญี่ปุ่นก็คือ “การสัมภาษณ์” ซึ่งจากประสบการณ์ในการดูแลผู้หางานจำนวนมาก มีผู้สมัครจำนวนไม่น้อยเลยที่มีความสามารถมากอยู่ในตัวแต่ต้องพลาดไปอย่างน่าเสียดายเพราะว่าตอบคำถามได้ไม่ชัดเจนหรือคิดคำตอบระหว่างสัมภาษณ์ได้ไม่ดีนัก

[เตรียมสัมภาษณ์งานออนไลน์ในช่วง Covid-19]
การสมัครงานทุกวันนี้ มีหลากหลายรูปแบบด้วยกัน ด้วยความทันสมัย และเจริญก้าวหน้าทางเทคโนโลยี ทำให้เราสามารถสมัครงานผ่านเว็บไซต์ได้ หรือส่งประวัติผ่านอีเมลล์ได้ แต่ขั้นตอนสำคัญที่สุดในการที่เราจะได้ร่วมงานกับบริษัทที่เราใฝ่ฝัน ก็คือ การสัมภาษณ์งาน ซึ่งเราจะได้มีโอกาสเข้ามาดูบรรยากาศการทำงาน สถานที่ทำงาน รวมถึงได้พบกับบุคคลากรของบริษัทนั้นๆ ซึ่งเป็นโอกาสที่เราจะได้แสดงตัวตนของเรา และสร้างความประทับใจให้กับบริษัทได้โดยตรง
เรียนรู้เพิ่มเติม
เกี่ยวกับบริการของเรา