วัฒนธรรมบริษัทญี่ปุ่น
วัฒนธรรมในองค์กรญี่ปุ่น สิ่งแรกที่ควรคำนึงถึงคือมารยาทและธรรมเนียมปฏิบัติของญี่ปุ่น คนญี่ปุ่นให้ความเคารพผู้อาวุโสและผู้มีประสบการณ์การทำงานที่ยาวนาน การพูดคุยกับหัวหน้าหรือเพื่อนร่วมงานนอกเหนือจากเรื่องงานจึงเป็นสิ่งที่ควรระวัง ไม่ควรก้าวก่ายเรื่องส่วนตัวมากนัก ควรคำนึงถึงความรู้สึกของอีกฝ่ายอยู่เสมอสิ่งเหล่านี้ถือว่าเป็นพื้นฐานทางวัฒนธรรมของบริษัทญี่ปุ่น
การทำงานในบริษัทญี่ปุ่น“คำทักทาย” ก็เป็นอีกหนึ่งสิ่งที่คนญี่ปุ่นให้ความสำคัญมาก แม้ว่าจะอยู่ในบริษัทเดียวกัน เจอกันอยู่ทุกวัน สนิทสนมกันแค่ไหน เมื่อเจอหน้ากันก็จะต้องทักทายกัน เพราะคนญี่ปุ่นถือว่า “การทักทาย” นั้น เป็นการสื่อสารก้าวแรกที่จะทำให้ฝ่ายตรงข้ามเกิดความประทับใจในตัวเรา และเมื่อถึงเวลาเลิกงาน ก่อนกลับบ้านทุกครั้งต้องกล่าวลาผู้บังคับบัญชาและเพื่อนร่วมงานด้วย ดั่งประเพณีไทยที่ว่า “ไปลา มาไหว้” นั่นเอง สิ่งสำคัญคือการทักทายด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้ม น้ำเสียงสดใส มีชีวิตชีวา มองหน้าฝ่ายตรงข้ามทุกครั้งที่กล่าวทักทายและต้องทำทุกวันอย่างเสมอต้นเสมอปลายอีกด้วย
ในบริษัทญี่ปุ่นจะมีคำทักทายที่สื่อถึงวัฒนธรรม เช่น คำว่า Otsukaresama desu เป็นคำให้กำลังใจคนทำงานร่วมกัน การทักทายด้วยคำนี้ เป็นการแสดงความขอบคุณอีกฝ่าย ทำนองว่า “ขอบคุณที่เหน็ดเหนื่อยทำงาน” ใช้ในกรณี ทักทายคนในที่ทำงานระหว่างวัน ใช้ตอนโทรศัพท์ไปหา หรือรับโทรศัพท์จากคนที่ทำงานร่วมกัน ไม่ใช้พูดกับลูกค้า หรือคนที่เพิ่งคุยกันเป็นครั้งแรก และคำว่า Otsukaresama deshita จะใช้พูดหลังเลิกงาน เลิกประชุม หรือก่อนกลับบ้าน
สำหรับลูกค้าเราจะใช้คำว่า Itsumo Osewa ni natte orimasu เมื่อเริ่มบทสนทนากับลูกค้าในที่ประชุมหรือในโทรศัพท์ ก็จะต้องพูดว่า Itsumo osewani natte orimasu เป็นคำแรก โดยคำนี้มีความหมายว่า พวกเราได้รับการดูแลจากท่านอยู่เสมอ เป็นคำที่แสดงถึงความรู้สึกขอบคุณลูกค้าที่ซื้อสินค้าและบริการจากเราอยู่เสมออีกด้วย
อีกคำหนึ่งที่ได้ยินบ่อยๆ และมีความสำคัญมากๆ คือ Yoroshiku onegai shimasu ในเชิงธุรกิจจะใช้คำนี้ตอนจบการประชุมหรือการสนทนาทางโทรศัพท์กับลูกค้า มีความหมายว่า ขอความช่วยเหลือในเรื่องที่ได้สนทนากันด้วยนะคะ เป็นคำที่ขาดไม่ได้เลยในการสนทนากับคนญี่ปุ่น
การสื่อสารในองค์กรญี่ปุ่นมีจุดเด่นที่เป็นเอกลักษณ์ที่น่าสนใจ คนญี่ปุ่นมีวัฒนธรรมการสื่อสารแบบ High Context Culture คือ ผู้สื่อสารไม่จำเป็นต้องใช้คำพูดตรงๆผู้รับสารก็จะสามารถเข้าใจได้ คนญี่ปุ่นจึงมักไม่พูดในสิ่งที่ต้องการให้เราทำตรงๆ โดยคนไทยที่ทำงานในบริษัทญี่ปุ่นมาหลายปีจะเริ่มซึมซับและเข้าใจวัฒนธรรมการสื่อสารแบบญี่ปุ่น ยกตัวอย่างเช่น คนญี่ปุ่นจะเลี่ยงการพูดในเชิงปฏิเสธ วิธีการปฏิเสธจะพูดอ้อมๆ จะไม่บอกความรู้สึกของตนเองกับคู่สนทนาตรงๆดั้งนั้นเราจึงต้องสังเกตุจากน้ำเสียง หน้าตาท่าทางประกอบด้วยจึงจะเข้าใจสิ่งที่คนญี่ปุ่นต้องการจะสื่อสารกับเราจริงๆ ถ้าเราสามารถเข้าใจสิ่งที่เพื่อนร่วมงานคนญี่ปุ่นสื่อสารกับเราได้ชัดเจนแน่นอนว่าเราก็จะสามารถทำงานร่วมกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ
วัฒนธรรมการทำงานบริษัทญี่ปุ่นที่ชัดเจนอีกอย่างก็คือพนักงานจะไม่ย้ายงานบ่อยบริษัทมีระบบ Training พนักงานใหม่ที่มีประสิทธิภาพ มีระบบรุ่นพี่คอยสอนงานรุ่นน้องและยังเปิดโอกาสให้พนักงานได้ลองทำงานหลายๆอย่างนอกเหนือจาก Job description เพื่อให้พนักงานได้ฝึกทักษะการทำงานหลายอย่าง บริษัทยังมีระบบย้ายงานภายในบริษัทเพื่อที่พนักงานจะไม่ต้องย้ายงานไปที่บริษัทอื่นในกรณีอยากทำงานในตำแหน่งงานอื่น ก็มีโอกาสให้ย้ายทำตำแหน่งตนเองอยากทำนั้นภายในบริษัท พนักงานจะได้เรียนรู้งานและประสบการณ์ที่แตกต่าง เรียกว่าได้มีโอกาสทำงานที่ท้าทายแม้เราจะยังไม่มีประสบการณ์ในด้านนั้น การมีระบบย้ายงานภายในในบริษัทเช่นนี้ทำให้พนักงานสามารถทำงานในบริษัทเดียวได้ยาวนานไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนงานบ่อยๆอีกด้วย
เรื่องการตรงต่อเวลา ไม่ว่าจะเป็นเวลาเข้างาน หรือไปพบลูกค้า จะต้องไปก่อนเวลานัดหรือไม่ไปสายเพราะสำหรับคนญี่ปุ่นเวลาคือวินัยเป็นพื้นฐานที่สำคัญมาก พนักงานที่ตั้งใจทำงานไม่มาสายรักษาเวลาอยู่เสมอจะได้รับความไว้วางใจจากหัวหน้างาน ส่งผลต่อการเลื่อนตำแหน่งในองค์กรในอนาคตต่อไป แต่ถ้าในกรณีที่เราไปไม่ทันแน่ๆ ก็จะต้องโทรแจ้งบริษัทก่อนเสมอ
บริษัทญี่ปุ่นจะมีปรัชญาการดำเนินธุรกิจของตนเอง เพื่อแสดงถึงวิสัยทัศน์ พันธกิจและเป้าหมายในการทำงาน บริษัทญี่ปุ่นบางแห่งมีการกล่าวปรัชญาบริษัทอย่างพร้อมเพรียงกันในช่วงเช้า ก่อนเริ่มการทำงานในวันนั้นนั้น เพราะการกล่าวปรัชญาบริษัท คือ การกล่าวถึงเป้าหมายของบริษัท เป็นการให้พนักงานทุกคนคำนึงถึงสิ่งที่ทำ และเป้าหมายสูงสุดของการทำงาน ทั้งนี้เพื่อให้การทำงานภายในองค์กรเป็นไปในทิศทางเดียวกัน ซึ่งเป็นหัวใจหลักที่ขาดไม่ได้ในองค์กรญี่ปุ่น
การแต่งกายของคนญี่ปุ่นจะสุภาพเรียบร้อย ทั้งโทนสี และลวดลายของผ้า ทั้งนี้จะเห็นได้ชัดว่า การแต่งกายของคนญี่ปุ่นจะถูกกาละเทศะมาก ยิ่งหากเป็นการออกไปพบปะกับลูกค้า คนญี่ปุ่นจะยิ่งต้องตรวจทานการแต่งให้ดูดี ตั้งแต่เสื้อผ้า เครื่องประดับ ทรงผม รองเท้า ให้ดูสุภาพและสะอาด ทั้งนี้เพื่อให้เกียรติแก่ผู้ที่เราจะไปพบและยังเป็นภาพลักษณ์ของบริษัทอีกด้วย
นอกเหนือจากเรื่องวัฒนธรรมองค์กรที่เราควรรู้แล้วในส่วนของสวัสดิการบริษัทญี่ปุ่นนั้นก็น่าสนใจเป็นอย่างมาก เนื่องจากบริษัทญี่ปุ่นขึ้นชื่อว่าให้สวัสดิการมากกว่าบริษัทสัญชาติอื่น อีกทั้งยังรักให้ความสำคัญกับพนักงาน ดูแลพนักงานจนเกษียณเลยทีเดียว จึงเป็นตัวเลือกที่ผู้กำลังมองหางานส่วนใหญ่ไว้วางใจและสนใจเข้าทำงาน เราขอนำเสนอสวัสดิการหลักๆที่บริษัทญี่ปุ่นได้จัดให้พนักงานดังนี้
- ประกันสุขภาพ บริษัทญี่ปุ่นส่วนใหญ่จะมีสวัสดิการเกี่ยวกับค่ารักษาพยาบาลทั้ง IPD OPD , ประกันอุบัติเหตุ ให้แก่พนักงาน ในกรณีเจ็บป่วย หรือเกิดอุบัติเหตุ บางที่สวัสดิการคุ้มครองสวัสดิภาพครอบคลุมถึงเรื่องการทำฟัน อีกทั้งมีสวัสดิการประกันชีวิตเพิ่มเติมให้แก่พนักงานอีกด้วย
- โอกาสไปดูงานต่างประเทศ เนื่องจากบริษัทญี่ปุ่นส่วนใหญ่จะมีสำนักงานใหญ่หรือมีสาขาที่ประเทศญี่ปุ่น ทำให้การประสานงานในการทำงานต้องติดต่อกับต่างประเทศ มีไปประสานงานที่ญี่ปุ่น ทำให้มีโอกาสได้ไปดูงานที่ต่างประเทศ ไปศึกษาวิธีการทำงาน แลกเปลี่ยนวัฒนธรรมและความคิดเห็นกับเพื่อนร่วมงานญี่ปุ่น ถือว่าเป็นประสบการณ์ที่ดีอย่างหนึ่งในการทำงาน
- ท่องเที่ยวประจำปีและงานเลี้ยงสังสรรค์ในเทศการต่างๆ บริษัทญี่ปุ่นจะเน้นการทำงานเป็นทีม มีปัญหาก็จะปรึกษาหารือกันทำให้เกิดความสนิทสนมกันในองค์กร อีกทั้ง ในแต่ละปี จะมีการจัดท่องเที่ยวประจำปี ซึ่งเป็นการสร้างความสัมพันธ์ระหว่างเพื่อนร่วมงานและหัวหน้างาน อีกทั้งยังเป็นการแสดงถึงการใส่ใจและดูแลพนักงงานอย่างหนึ่ง
- ชุดเครื่องแบบพนักงาน คนญี่ปุ่นมีเอกลักษณ์และวัฒนธรรมที่ชัดเจน แต่ละองค์กรก็จะสร้างความโดดเด่นขึ้นมา บริษัทญี่ปุ่นจึงมีเครื่องแบบพนักงาน เพื่อสร้างถาพลักษณ์ที่เฉพาะของแต่ละบริษัทขึ้นมา
- สวัสดิการด้านภาษา ถือว่าเป็นสวัสดิการที่น่าสนใจอย่างหนึ่ง เนื่องจากส่วนใหญ่บริษัทญี่ปุ่น จะมีนายที่เป็นคนญี่ปุ่นหรือพนักงานในองค์กรที่เป็นคนญี่ปุ่น ทำให้ภาษาที่สื่อสารกันในองค์กรก็จะเป็นภาษาอังกฤษ หรือภาษาญี่ปุ่น ถ้าหากพนักงานมีความสามารถทางด้านภาษาก็จะทำให้ได้รับการพิจารณาเป็นพิเศษ มีสวัสดิการทางด้านให้ค่าภาษาเพิ่มเติมตามระดับของภาษา อีกทั้งมีการส่งเสริมให้เรียนภาษาญี่ปุ่นเพิ่มเติม เพื่อเป็นการรักษาวัฒนธรรมของญี่ปุ่น
- เบี้ยขยัน คนญี่ปุ่นเน้นเรื่องการตรงต่อเวลา ทุ่มเทกับการทำงานอย่างเต็มที่ ไม่ขาด ไม่ลา ไม่สาย ส่วนใหญ่จะมีสวัสดิการเบี้ยขยัน เพื่อเป็นแรงจูงใจในการทำงานให้แก่พนักงานในองค์กร
- ค่าตำแหน่ง บริษัทญี่ปุ่น จะมีฐานเงินเดือนอาจไม่สูงมากนัก แต่จะมีค่าตำแหน่งให้เพิ่มเติม ตามตำแหน่งและหน้าที่ความรับผิดชอบ รวมถึงทักษะที่เฉพาะทางในการทำงาน
- โบนัสประจำปี ถือว่าเป็นสวัสดิการสำหรับพนักงานของบริษัท ซึ่งการประเมินโบนัสแน่นอนว่าทางนายจ้างจะต้องดูผลประกอบการบริษัท ผลงานของพนักงานนั้นๆ บางบริษัทอาจประเมินจากการขาดงาน ลาป่วย หรือมาทำงานสาย หรือบางบริษัทอาจขึ้นอยู่กับผลประกอบการของบริษัทนั้นๆ ถ้าในบางปีรายได้ประกอบการบริษัทนั้นเยอะ ก็ได้โบนัสเยอะ บางปีรายได้ประกอบการบริษัทน้อยก็ได้น้อย หรือในบางบริษัทอาจมีการันตีการจ่ายโบนัส 3 เดือนขั้นต่ำ เป็นต้น โดยส่วนใหญ่แล้วโบนัสมักจะจ่ายในช่วงสิ้นปี บางบริษัทที่มีผลกำไรค่อนข้างสูง ก็อาจจะแบ่งเป็นปีละ 2 ครั้ง ก็แล้วแต่ข้อกำหนดของบริษัทนั้นๆ
- การตรวจสุขภาพประจำปีของพนักงาน บริษัทฯ จะจัดให้มีสวัสดิการตรวจสุขภาพพนักงานประจำปี ตาม พ.ร.บ. คุ้มครองแรงงาน โดยเป็นการตรวจร่างกายและสภาวะทางจิตใจ เพื่อให้ทราบถึงความเหมาะสม และผลกระทบต่อสุขภาพของพนักงานซึ่งเกิดจากการทำงาน ทำให้ทราบภาวะสุขภาพและแนวโน้มความเจ็บป่วยของพนักงาน ซึ่งทางบริษัทจะให้มีการตรวจสุขภาพประจำปีของพนักงานก็ต่อเมื่อพนักงานนั้นๆผ่านช่วงการทดลองงาน (Probationary Period) ทั้งนี้โรงพยาบาลที่พนักงานจะเข้ารับบริการ จะต้องเป็นโรงพยาบาลที่ทางบริษัทกำหนดเท่านั้นและพนักงานจะไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆเนื่องจากเป็นสวัสดิการของพนักงาน
- บริษัทได้จัดตั้งกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ ซึ่งเป็นสวัสดิการที่พนักงานจะเข้าร่วมหรือไม่ก็ได้ ขึ้นอยู่กับความสมัครใจของพนักงาน กองทุนสำรองเลี้ยงชีพนี้จะเข้าร่วมได้ก็ต่อเมื่อผ่านช่วงทดลองงาน หรือทำงานภายในบริษัทเป็นระยะเวลา 1 ปีเป็นต้นไปโดยขึ้นอยู่กับข้อตกลงของบริษัท โดยกองทุนสำรองเลี้ยงชีพเปรียบเสมือนหลักประกันความมั่นคงในการและเป็นเงินสะสมของพนักงานและเงินสมทบจากบริษัท หมายความว่าหากพนักงานมีความต้องการในการออมเงินเท่าไร นายจ้างช่วยลูกจ้างออมด้วยซึ่งขึ้นอยู่กับจำนวนเปอร์เซ็นต์ของแต่ละบริษัท เพื่อพนักงานจะได้มีเงินสะสมเมื่อลาออกหรือเกษียณอายุ
- สวัสดิการค่าเดินทางของบริษัทส่วนใหญ่แล้วจะให้ตามความเหมาะสมโดยพิจารณาจากเส้นทางการเดินทางของพนักงานและยานพาหะนะ โดยคำนวณจากรายจ่ายในการเดินทางของแต่ละวันโดยมีคำนวณออกมาอย่างชัดเจน ซึ่งทางบริษัทจะให้ตามจำนวนวนเงินที่เสียไปอย่างคร่าวๆ หรือบางบริษัทอาจกำหนดตัวเลขมาให้อย่างชัดเจนเลยก็มี
- OT หรือค่าล่วงเวลา (Overtime) คือค่าตอบแทนในกรณีที่ต้องทำงานนอกเหนือจากเวลาทำการปกติ โดยกฎหมายแรงงานกำหนดไว้ว่าการทำงานล่วงเวลาต้องเกิดจากความยินยอมของลูกจ้าง หรือความจำเป็นที่ต้องทำงานนั้นให้แล้วเสร็จ ซึ่งการคิดค่าล่วงเวลาของบริษัทโดยส่วนใหญ่แล้วจะคิดจาก เงินเดือน / 30 / 8 = เท่าไหร่แล้วนำมาคูณกับ 1.5 ในบางบริษัทหากมีการเรียกเข้ามาทำงานในวันหยุดก็จะได้ค่าล่วงเวลาเป็นหนึ่งเท่าไปจนถึงสามเท่าหากทำงานล่วงเวลา หรือบางบริษัทอาจจะได้เท่าเดียวตามข้อตกลงของบริษัท โดยส่วนใหญ่แล้วบริษัทญี่ปุ่มมักมีค่าล่วงเวลาให้เสมอ
- เนื่องจากบริษัทญี่ปุ่นเน้นการทำงานที่ดีและมีประสิทธิภาพ ดังนั้น จึงมีการจัดสวัสดิการฝึกอบรมให้กับพนักงาน โดยจะจัดอบรมทั้งใน สถานที่ หรือนอกสถานที่เพื่อให้พนักงานได้พักผ่อนไปในตัวด้วย การจัดอบรมหรือ Training course เป็นการเพิ่มพูนความรู้ ความเข้าใจในการทำงาน การพัฒนาบุคลิกภาพ และสามารถเพิ่มคุณค่าแก่ตนเอง ซึ่งจะช่วยทำให้การทำงานและการบริหารงานได้อย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผลมากยิ่งขึ้น อีกทั้งยังเป็นการเปิดโอกาสได้แลกเปลี่ยนแลกเปลี่ยนความรู้ ความคิดเห็น ทัศนคติ และประสบการณ์ในการบริหารงานและทำให้เกิดแรงจูงใจในการทำงานอีกด้วย
จากสวัสดิการที่กล่าวมาข้างต้น จะเห็นได้ว่าบริษัทญี่ปุ่นให้ความสำคัญกับพนักงานในองค์กร บริษัทจึงเสริมสร้างกำลังใจในการทำงานโดยมีสวัสดิการที่หลากหลายทั้งกำหนดเป็นตัวเงินและไม่กำหนดเป็นตัวเงิน อีกทั้งครอบคลุมในหลายๆด้าน เพื่อให้พนักงานมีคุณภาพชีวิตที่ดีละมีความสุขกับการทำงานในองค์กรร่วมกัน
お知らせ&記事
5 ways businesses can reduce cost post-pandemic
The COVID-19 pandemic has brought about many challenges to businesses around the world. Some companies have been forced to close, while other businesses face tremendous hurdles to stay afloat.
Mr. Ratanachote Ingcanuntavaree
Pasona got a chance to interview Mr. Ratanachote. He is here with us to share his impression of his current job and the company he’s working in and tell us about his experience of using Pasona service…
Modern Leader with LEGO®SERIOUS PLAY®
Today, to be a modern leader, it requires new skills set to cope with diverse and complicated working situation. Getting work flow smoothly and encouraging people cooperation has always remained an organization’s struggle. Organizations depend on leaders with insight on the task and people knowledge in order to drive their organizations to succeed their goals and maintain sustainable growth.
Thailand Head Quarter
26th Floor, Sathorn Square
Office Tower,
98 North Sathorn Road, Silom,
Bangrak, Bangkok 10500, Thailand
TEL: +662-108-1250
E-mail: info@pasona.co.th
วัฒนธรรมบริษัทญี่ปุ่น
วัฒนธรรมในองค์กรญี่ปุ่น สิ่งแรกที่ควรคำนึงถึงคือมารยาทและธรรมเนียมปฏิบัติของญี่ปุ่น คนญี่ปุ่นให้ความเคารพผู้อาวุโสและผู้มีประสบการณ์การทำงานที่ยาวนาน การพูดคุยกับหัวหน้าหรือเพื่อนร่วมงานนอกเหนือจากเรื่องงานจึงเป็นสิ่งที่ควรระวัง ไม่ควรก้าวก่ายเรื่องส่วนตัวมากนัก ควรคำนึงถึงความรู้สึกของอีกฝ่ายอยู่เสมอสิ่งเหล่านี้ถือว่าเป็นพื้นฐานทางวัฒนธรรมของบริษัทญี่ปุ่น
การทำงานในบริษัทญี่ปุ่น“คำทักทาย” ก็เป็นอีกหนึ่งสิ่งที่คนญี่ปุ่นให้ความสำคัญมาก แม้ว่าจะอยู่ในบริษัทเดียวกัน เจอกันอยู่ทุกวัน สนิทสนมกันแค่ไหน เมื่อเจอหน้ากันก็จะต้องทักทายกัน เพราะคนญี่ปุ่นถือว่า “การทักทาย” นั้น เป็นการสื่อสารก้าวแรกที่จะทำให้ฝ่ายตรงข้ามเกิดความประทับใจในตัวเรา และเมื่อถึงเวลาเลิกงาน ก่อนกลับบ้านทุกครั้งต้องกล่าวลาผู้บังคับบัญชาและเพื่อนร่วมงานด้วย ดั่งประเพณีไทยที่ว่า “ไปลา มาไหว้” นั่นเอง สิ่งสำคัญคือการทักทายด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้ม น้ำเสียงสดใส มีชีวิตชีวา มองหน้าฝ่ายตรงข้ามทุกครั้งที่กล่าวทักทายและต้องทำทุกวันอย่างเสมอต้นเสมอปลายอีกด้วย
ในบริษัทญี่ปุ่นจะมีคำทักทายที่สื่อถึงวัฒนธรรม เช่น คำว่า Otsukaresama desu เป็นคำให้กำลังใจคนทำงานร่วมกัน การทักทายด้วยคำนี้ เป็นการแสดงความขอบคุณอีกฝ่าย ทำนองว่า “ขอบคุณที่เหน็ดเหนื่อยทำงาน” ใช้ในกรณี ทักทายคนในที่ทำงานระหว่างวัน ใช้ตอนโทรศัพท์ไปหา หรือรับโทรศัพท์จากคนที่ทำงานร่วมกัน ไม่ใช้พูดกับลูกค้า หรือคนที่เพิ่งคุยกันเป็นครั้งแรก และคำว่า Otsukaresama deshita จะใช้พูดหลังเลิกงาน เลิกประชุม หรือก่อนกลับบ้าน
สำหรับลูกค้าเราจะใช้คำว่า Itsumo Osewa ni natte orimasu เมื่อเริ่มบทสนทนากับลูกค้าในที่ประชุมหรือในโทรศัพท์ ก็จะต้องพูดว่า Itsumo osewani natte orimasu เป็นคำแรก โดยคำนี้มีความหมายว่า พวกเราได้รับการดูแลจากท่านอยู่เสมอ เป็นคำที่แสดงถึงความรู้สึกขอบคุณลูกค้าที่ซื้อสินค้าและบริการจากเราอยู่เสมออีกด้วย
อีกคำหนึ่งที่ได้ยินบ่อยๆ และมีความสำคัญมากๆ คือ Yoroshiku onegai shimasu ในเชิงธุรกิจจะใช้คำนี้ตอนจบการประชุมหรือการสนทนาทางโทรศัพท์กับลูกค้า มีความหมายว่า ขอความช่วยเหลือในเรื่องที่ได้สนทนากันด้วยนะคะ เป็นคำที่ขาดไม่ได้เลยในการสนทนากับคนญี่ปุ่น
การสื่อสารในองค์กรญี่ปุ่นมีจุดเด่นที่เป็นเอกลักษณ์ที่น่าสนใจ คนญี่ปุ่นมีวัฒนธรรมการสื่อสารแบบ High Context Culture คือ ผู้สื่อสารไม่จำเป็นต้องใช้คำพูดตรงๆผู้รับสารก็จะสามารถเข้าใจได้ คนญี่ปุ่นจึงมักไม่พูดในสิ่งที่ต้องการให้เราทำตรงๆ โดยคนไทยที่ทำงานในบริษัทญี่ปุ่นมาหลายปีจะเริ่มซึมซับและเข้าใจวัฒนธรรมการสื่อสารแบบญี่ปุ่น ยกตัวอย่างเช่น คนญี่ปุ่นจะเลี่ยงการพูดในเชิงปฏิเสธ วิธีการปฏิเสธจะพูดอ้อมๆ จะไม่บอกความรู้สึกของตนเองกับคู่สนทนาตรงๆดั้งนั้นเราจึงต้องสังเกตุจากน้ำเสียง หน้าตาท่าทางประกอบด้วยจึงจะเข้าใจสิ่งที่คนญี่ปุ่นต้องการจะสื่อสารกับเราจริงๆ ถ้าเราสามารถเข้าใจสิ่งที่เพื่อนร่วมงานคนญี่ปุ่นสื่อสารกับเราได้ชัดเจนแน่นอนว่าเราก็จะสามารถทำงานร่วมกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ
วัฒนธรรมการทำงานบริษัทญี่ปุ่นที่ชัดเจนอีกอย่างก็คือพนักงานจะไม่ย้ายงานบ่อยบริษัทมีระบบ Training พนักงานใหม่ที่มีประสิทธิภาพ มีระบบรุ่นพี่คอยสอนงานรุ่นน้องและยังเปิดโอกาสให้พนักงานได้ลองทำงานหลายๆอย่างนอกเหนือจาก Job description เพื่อให้พนักงานได้ฝึกทักษะการทำงานหลายอย่าง บริษัทยังมีระบบย้ายงานภายในบริษัทเพื่อที่พนักงานจะไม่ต้องย้ายงานไปที่บริษัทอื่นในกรณีอยากทำงานในตำแหน่งงานอื่น ก็มีโอกาสให้ย้ายทำตำแหน่งตนเองอยากทำนั้นภายในบริษัท พนักงานจะได้เรียนรู้งานและประสบการณ์ที่แตกต่าง เรียกว่าได้มีโอกาสทำงานที่ท้าทายแม้เราจะยังไม่มีประสบการณ์ในด้านนั้น การมีระบบย้ายงานภายในในบริษัทเช่นนี้ทำให้พนักงานสามารถทำงานในบริษัทเดียวได้ยาวนานไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนงานบ่อยๆอีกด้วย
เรื่องการตรงต่อเวลา ไม่ว่าจะเป็นเวลาเข้างาน หรือไปพบลูกค้า จะต้องไปก่อนเวลานัดหรือไม่ไปสายเพราะสำหรับคนญี่ปุ่นเวลาคือวินัยเป็นพื้นฐานที่สำคัญมาก พนักงานที่ตั้งใจทำงานไม่มาสายรักษาเวลาอยู่เสมอจะได้รับความไว้วางใจจากหัวหน้างาน ส่งผลต่อการเลื่อนตำแหน่งในองค์กรในอนาคตต่อไป แต่ถ้าในกรณีที่เราไปไม่ทันแน่ๆ ก็จะต้องโทรแจ้งบริษัทก่อนเสมอ
บริษัทญี่ปุ่นจะมีปรัชญาการดำเนินธุรกิจของตนเอง เพื่อแสดงถึงวิสัยทัศน์ พันธกิจและเป้าหมายในการทำงาน บริษัทญี่ปุ่นบางแห่งมีการกล่าวปรัชญาบริษัทอย่างพร้อมเพรียงกันในช่วงเช้า ก่อนเริ่มการทำงานในวันนั้นนั้น เพราะการกล่าวปรัชญาบริษัท คือ การกล่าวถึงเป้าหมายของบริษัท เป็นการให้พนักงานทุกคนคำนึงถึงสิ่งที่ทำ และเป้าหมายสูงสุดของการทำงาน ทั้งนี้เพื่อให้การทำงานภายในองค์กรเป็นไปในทิศทางเดียวกัน ซึ่งเป็นหัวใจหลักที่ขาดไม่ได้ในองค์กรญี่ปุ่น
การแต่งกายของคนญี่ปุ่นจะสุภาพเรียบร้อย ทั้งโทนสี และลวดลายของผ้า ทั้งนี้จะเห็นได้ชัดว่า การแต่งกายของคนญี่ปุ่นจะถูกกาละเทศะมาก ยิ่งหากเป็นการออกไปพบปะกับลูกค้า คนญี่ปุ่นจะยิ่งต้องตรวจทานการแต่งให้ดูดี ตั้งแต่เสื้อผ้า เครื่องประดับ ทรงผม รองเท้า ให้ดูสุภาพและสะอาด ทั้งนี้เพื่อให้เกียรติแก่ผู้ที่เราจะไปพบและยังเป็นภาพลักษณ์ของบริษัทอีกด้วย
นอกเหนือจากเรื่องวัฒนธรรมองค์กรที่เราควรรู้แล้วในส่วนของสวัสดิการบริษัทญี่ปุ่นนั้นก็น่าสนใจเป็นอย่างมาก เนื่องจากบริษัทญี่ปุ่นขึ้นชื่อว่าให้สวัสดิการมากกว่าบริษัทสัญชาติอื่น อีกทั้งยังรักให้ความสำคัญกับพนักงาน ดูแลพนักงานจนเกษียณเลยทีเดียว จึงเป็นตัวเลือกที่ผู้กำลังมองหางานส่วนใหญ่ไว้วางใจและสนใจเข้าทำงาน เราขอนำเสนอสวัสดิการหลักๆที่บริษัทญี่ปุ่นได้จัดให้พนักงานดังนี้
- ประกันสุขภาพ บริษัทญี่ปุ่นส่วนใหญ่จะมีสวัสดิการเกี่ยวกับค่ารักษาพยาบาลทั้ง IPD OPD , ประกันอุบัติเหตุ ให้แก่พนักงาน ในกรณีเจ็บป่วย หรือเกิดอุบัติเหตุ บางที่สวัสดิการคุ้มครองสวัสดิภาพครอบคลุมถึงเรื่องการทำฟัน อีกทั้งมีสวัสดิการประกันชีวิตเพิ่มเติมให้แก่พนักงานอีกด้วย
- โอกาสไปดูงานต่างประเทศ เนื่องจากบริษัทญี่ปุ่นส่วนใหญ่จะมีสำนักงานใหญ่หรือมีสาขาที่ประเทศญี่ปุ่น ทำให้การประสานงานในการทำงานต้องติดต่อกับต่างประเทศ มีไปประสานงานที่ญี่ปุ่น ทำให้มีโอกาสได้ไปดูงานที่ต่างประเทศ ไปศึกษาวิธีการทำงาน แลกเปลี่ยนวัฒนธรรมและความคิดเห็นกับเพื่อนร่วมงานญี่ปุ่น ถือว่าเป็นประสบการณ์ที่ดีอย่างหนึ่งในการทำงาน
- ท่องเที่ยวประจำปีและงานเลี้ยงสังสรรค์ในเทศการต่างๆ บริษัทญี่ปุ่นจะเน้นการทำงานเป็นทีม มีปัญหาก็จะปรึกษาหารือกันทำให้เกิดความสนิทสนมกันในองค์กร อีกทั้ง ในแต่ละปี จะมีการจัดท่องเที่ยวประจำปี ซึ่งเป็นการสร้างความสัมพันธ์ระหว่างเพื่อนร่วมงานและหัวหน้างาน อีกทั้งยังเป็นการแสดงถึงการใส่ใจและดูแลพนักงงานอย่างหนึ่ง
- ชุดเครื่องแบบพนักงาน คนญี่ปุ่นมีเอกลักษณ์และวัฒนธรรมที่ชัดเจน แต่ละองค์กรก็จะสร้างความโดดเด่นขึ้นมา บริษัทญี่ปุ่นจึงมีเครื่องแบบพนักงาน เพื่อสร้างถาพลักษณ์ที่เฉพาะของแต่ละบริษัทขึ้นมา
- สวัสดิการด้านภาษา ถือว่าเป็นสวัสดิการที่น่าสนใจอย่างหนึ่ง เนื่องจากส่วนใหญ่บริษัทญี่ปุ่น จะมีนายที่เป็นคนญี่ปุ่นหรือพนักงานในองค์กรที่เป็นคนญี่ปุ่น ทำให้ภาษาที่สื่อสารกันในองค์กรก็จะเป็นภาษาอังกฤษ หรือภาษาญี่ปุ่น ถ้าหากพนักงานมีความสามารถทางด้านภาษาก็จะทำให้ได้รับการพิจารณาเป็นพิเศษ มีสวัสดิการทางด้านให้ค่าภาษาเพิ่มเติมตามระดับของภาษา อีกทั้งมีการส่งเสริมให้เรียนภาษาญี่ปุ่นเพิ่มเติม เพื่อเป็นการรักษาวัฒนธรรมของญี่ปุ่น
- เบี้ยขยัน คนญี่ปุ่นเน้นเรื่องการตรงต่อเวลา ทุ่มเทกับการทำงานอย่างเต็มที่ ไม่ขาด ไม่ลา ไม่สาย ส่วนใหญ่จะมีสวัสดิการเบี้ยขยัน เพื่อเป็นแรงจูงใจในการทำงานให้แก่พนักงานในองค์กร
- ค่าตำแหน่ง บริษัทญี่ปุ่น จะมีฐานเงินเดือนอาจไม่สูงมากนัก แต่จะมีค่าตำแหน่งให้เพิ่มเติม ตามตำแหน่งและหน้าที่ความรับผิดชอบ รวมถึงทักษะที่เฉพาะทางในการทำงาน
- โบนัสประจำปี ถือว่าเป็นสวัสดิการสำหรับพนักงานของบริษัท ซึ่งการประเมินโบนัสแน่นอนว่าทางนายจ้างจะต้องดูผลประกอบการบริษัท ผลงานของพนักงานนั้นๆ บางบริษัทอาจประเมินจากการขาดงาน ลาป่วย หรือมาทำงานสาย หรือบางบริษัทอาจขึ้นอยู่กับผลประกอบการของบริษัทนั้นๆ ถ้าในบางปีรายได้ประกอบการบริษัทนั้นเยอะ ก็ได้โบนัสเยอะ บางปีรายได้ประกอบการบริษัทน้อยก็ได้น้อย หรือในบางบริษัทอาจมีการันตีการจ่ายโบนัส 3 เดือนขั้นต่ำ เป็นต้น โดยส่วนใหญ่แล้วโบนัสมักจะจ่ายในช่วงสิ้นปี บางบริษัทที่มีผลกำไรค่อนข้างสูง ก็อาจจะแบ่งเป็นปีละ 2 ครั้ง ก็แล้วแต่ข้อกำหนดของบริษัทนั้นๆ
- การตรวจสุขภาพประจำปีของพนักงาน บริษัทฯ จะจัดให้มีสวัสดิการตรวจสุขภาพพนักงานประจำปี ตาม พ.ร.บ. คุ้มครองแรงงาน โดยเป็นการตรวจร่างกายและสภาวะทางจิตใจ เพื่อให้ทราบถึงความเหมาะสม และผลกระทบต่อสุขภาพของพนักงานซึ่งเกิดจากการทำงาน ทำให้ทราบภาวะสุขภาพและแนวโน้มความเจ็บป่วยของพนักงาน ซึ่งทางบริษัทจะให้มีการตรวจสุขภาพประจำปีของพนักงานก็ต่อเมื่อพนักงานนั้นๆผ่านช่วงการทดลองงาน (Probationary Period) ทั้งนี้โรงพยาบาลที่พนักงานจะเข้ารับบริการ จะต้องเป็นโรงพยาบาลที่ทางบริษัทกำหนดเท่านั้นและพนักงานจะไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆเนื่องจากเป็นสวัสดิการของพนักงาน
- บริษัทได้จัดตั้งกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ ซึ่งเป็นสวัสดิการที่พนักงานจะเข้าร่วมหรือไม่ก็ได้ ขึ้นอยู่กับความสมัครใจของพนักงาน กองทุนสำรองเลี้ยงชีพนี้จะเข้าร่วมได้ก็ต่อเมื่อผ่านช่วงทดลองงาน หรือทำงานภายในบริษัทเป็นระยะเวลา 1 ปีเป็นต้นไปโดยขึ้นอยู่กับข้อตกลงของบริษัท โดยกองทุนสำรองเลี้ยงชีพเปรียบเสมือนหลักประกันความมั่นคงในการและเป็นเงินสะสมของพนักงานและเงินสมทบจากบริษัท หมายความว่าหากพนักงานมีความต้องการในการออมเงินเท่าไร นายจ้างช่วยลูกจ้างออมด้วยซึ่งขึ้นอยู่กับจำนวนเปอร์เซ็นต์ของแต่ละบริษัท เพื่อพนักงานจะได้มีเงินสะสมเมื่อลาออกหรือเกษียณอายุ
- สวัสดิการค่าเดินทางของบริษัทส่วนใหญ่แล้วจะให้ตามความเหมาะสมโดยพิจารณาจากเส้นทางการเดินทางของพนักงานและยานพาหะนะ โดยคำนวณจากรายจ่ายในการเดินทางของแต่ละวันโดยมีคำนวณออกมาอย่างชัดเจน ซึ่งทางบริษัทจะให้ตามจำนวนวนเงินที่เสียไปอย่างคร่าวๆ หรือบางบริษัทอาจกำหนดตัวเลขมาให้อย่างชัดเจนเลยก็มี
- OT หรือค่าล่วงเวลา (Overtime) คือค่าตอบแทนในกรณีที่ต้องทำงานนอกเหนือจากเวลาทำการปกติ โดยกฎหมายแรงงานกำหนดไว้ว่าการทำงานล่วงเวลาต้องเกิดจากความยินยอมของลูกจ้าง หรือความจำเป็นที่ต้องทำงานนั้นให้แล้วเสร็จ ซึ่งการคิดค่าล่วงเวลาของบริษัทโดยส่วนใหญ่แล้วจะคิดจาก เงินเดือน / 30 / 8 = เท่าไหร่แล้วนำมาคูณกับ 1.5 ในบางบริษัทหากมีการเรียกเข้ามาทำงานในวันหยุดก็จะได้ค่าล่วงเวลาเป็นหนึ่งเท่าไปจนถึงสามเท่าหากทำงานล่วงเวลา หรือบางบริษัทอาจจะได้เท่าเดียวตามข้อตกลงของบริษัท โดยส่วนใหญ่แล้วบริษัทญี่ปุ่มมักมีค่าล่วงเวลาให้เสมอ
- เนื่องจากบริษัทญี่ปุ่นเน้นการทำงานที่ดีและมีประสิทธิภาพ ดังนั้น จึงมีการจัดสวัสดิการฝึกอบรมให้กับพนักงาน โดยจะจัดอบรมทั้งใน สถานที่ หรือนอกสถานที่เพื่อให้พนักงานได้พักผ่อนไปในตัวด้วย การจัดอบรมหรือ Training course เป็นการเพิ่มพูนความรู้ ความเข้าใจในการทำงาน การพัฒนาบุคลิกภาพ และสามารถเพิ่มคุณค่าแก่ตนเอง ซึ่งจะช่วยทำให้การทำงานและการบริหารงานได้อย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผลมากยิ่งขึ้น อีกทั้งยังเป็นการเปิดโอกาสได้แลกเปลี่ยนแลกเปลี่ยนความรู้ ความคิดเห็น ทัศนคติ และประสบการณ์ในการบริหารงานและทำให้เกิดแรงจูงใจในการทำงานอีกด้วย
จากสวัสดิการที่กล่าวมาข้างต้น จะเห็นได้ว่าบริษัทญี่ปุ่นให้ความสำคัญกับพนักงานในองค์กร บริษัทจึงเสริมสร้างกำลังใจในการทำงานโดยมีสวัสดิการที่หลากหลายทั้งกำหนดเป็นตัวเงินและไม่กำหนดเป็นตัวเงิน อีกทั้งครอบคลุมในหลายๆด้าน เพื่อให้พนักงานมีคุณภาพชีวิตที่ดีละมีความสุขกับการทำงานในองค์กรร่วมกัน
お知らせ&記事
5 ways businesses can reduce cost post-pandemic
The COVID-19 pandemic has brought about many challenges to businesses around the world. Some companies have been forced to close, while other businesses face tremendous hurdles to stay afloat.
Mr. Ratanachote Ingcanuntavaree
Pasona got a chance to interview Mr. Ratanachote. He is here with us to share his impression of his current job and the company he’s working in and tell us about his experience of using Pasona service…
Modern Leader with LEGO®SERIOUS PLAY®
Today, to be a modern leader, it requires new skills set to cope with diverse and complicated working situation. Getting work flow smoothly and encouraging people cooperation has always remained an organization’s struggle. Organizations depend on leaders with insight on the task and people knowledge in order to drive their organizations to succeed their goals and maintain sustainable growth.